A2 - Alpine Garden

Alpine garden  (สวนอัลไพน) มาจากชื่อเฉพาะ Alps ที่เป็นเทือกเขาสูงและยาว ทอดไปในประเทศสวิสเซอแลนด์ ฝรั่งเศส ออสเตรียและอิตาลี.  คำ alpine เป็นคำคุณศัพท์ของคำนาม Alps. ต่อมาคำ alpine ในที่สุดหมายถึงที่เกี่ยวกับเทือกเขาสูงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นเทือกเขา Alps เท่านั้น.
    สวนอัลไพนในเทือกเขา Alps มีพืชพรรณทุกประเภทที่เกิดบนเขาในพื้นที่ที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1500 เมตรขึ้นไป (มีหลายชนิดเหมือนกันที่ขึ้นในที่สูงประมาณ 600 เมตร)  ที่ราบสูงในสก็อตแลนด์ที่มีภูมิประเทศและภูมิอากาศใกล้เคียงกับระบบนิเวศบนเทือกเขาแอลป์ จึงมีพันธุ์ไม้จากภูเขาสูงในธรรมชาติหลายพันธุ์. 
     ส่วนสวนอัลไพนที่เนรมิตขึ้นภายในสวน อุทยาน หรือสวนพฤกษศาสตร์นั้น หมายถึงสวนที่ปลูกพืชพรรณที่นำมาจากเขตเทือกเขา Alps (ในความเป็นจริง มีพืชพรรณอื่นๆปลูกปะปนอยู่ด้วย)  โดยปกติ มักเน้นนำพืชพันธุ์ดอกมาปลูกเพาะเลี้ยงภายในเรือนกระจก. สวนอัลไพนมักมีหินเป็นองค์ประกอบสำคัญ เพื่อสร้างระบบนิเวศให้ใกล้เคียงกับลักษณะหินผาในเทือกเขาแอลป์. หินช่วยให้รากกักความชื้นไว้และทำให้ใบแห้ง. ปกติพืชพรรณไม้ดอกจากเทือกเขาแอลป์ เป็นพรรณไม้เปราะบาง ต้นเล็กๆ เกือบติดดิน  ส่วนต้นไม้ก็เป็นไม้ยืนต้น ใบเขียวตลอดปีเช่นพันธุ์สน. ดอกไม้ที่แลดูเปราะบางจากเทือกเขาสูงเป็นสิ่งที่ประทับจิตประทับใจของชาวตะวันตกมาก เพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ สามารถปรับตัวยืนยงคงชีพต่อสู้กับความหนาวยะเยือกได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ.  นี่เองที่สยบใจคน  การนำมาเพาะเลี้ยงในสวนพฤกษศาสตร์มีส่วนกระตุ้นจิตสำนึกของคนให้อนุรักษ์ความงามของเทือกเขาสูงๆไว้. เทือกเขาทั้งหลายจะเหลืออะไรหากไม่มีดอกไม้เปราะบางพวกนี้ที่โผล่ออกมาในฤดูใบไม้ผลิ ให้แสงสว่างแก่เนินเขาและโปรยยิ้มแก่โลกเบื้องล่าง. บนเนินดอกไม้ป่าบนเขานั้น ดูเผินๆเหมือนดอกไม้ป่าที่มีในทุ่งระดับพื้นดิน  ลักษณะรูปร่างและสีสันก็คล้ายๆกันมาก  แต่ต้นที่ขึ้นในทุ่งหญ้าระดับพื้น ไม่อาจนำขึ้นไปปลูกบนเทือกเขาสูงได้  สภาพชีวเคมีภายในของมันไม่เหมือนกัน มันต้องการเวลาปรับตัวนานหลายชั่วอายุของมันกว่าจะขึ้นไปงอกเงยบนเขาสูงได้.
ภาพทั้งสอง จาก Alpengarten (สวนอัลไพน) บนเขา Schnyge Platte [ฉฺนีเกอ แพล็ตเตอ] ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1.967  เมตร เป็นส่วนหนึ่งบนเทือกเขาแอลป์ส่วนที่อยู่ในประเทศสวิตเซอแลนด์  ไม่ไกลจากเมือง Interlaken [อิ๊นเทอลาเขิ่น]
ไปเห็นดอก Edelweiss บนภูเขานั้น เลยนำมาลงให้เห็นชัดๆ
ว่ากลีบดอกหนา มีขนเล็กๆปกป้องมันดีมาก

สองภาพนี้จากอุทยาน Harlow Carr [ฮ่ารฺโหลว่ คารฺ] เป็นเรือนกระจกอภิบาลพืชพรรณที่ขึ้นตามเนินเขาสูงหรือจากแถบขั้วโลกที่อาร์คติก. พืชพรรณจากภูเขาสูงมักเติบโตระหว่างหลืบหิน ดินน้อย ทนทานต่อแสงแดดร้อนจัดในฤดูร้อนและอุณหภูมิต่ำในฤดูอื่น. เมื่อหิมะตกปกคลุมพืชพรรณเนินเขา เหมือนผ้าห่มคลุมรักษาอุณหภูมิใต้ดินไว้ทำให้รากไม่ตายไป อย่างไรก็ดีพืชพรรณหลายชนิดมิอาจทนความชื้นได้. เรือนอภิบาลแบบนี้ปกป้องพืชจากความชื้นในขณะเดียวกันก็รักษาอุณหภูมิภายในให้หนาวเย็นและมีลมถ่ายเทเสมอ. พืชพรรณจากภูเขาสูงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับสวนขนาดเล็กเพราะปลูกง่าย การสร้างสภาพนิเวศที่เหมาะสมกับมันก็ไม่ยากนัก. พืชพรรณที่นำมาแสดงไว้ในเรือนนี้ ปลูกในที่เฉพาะอีกแห่งหนึ่ง แล้วนำออกมาตั้งแสดงเมื่อมันเติบโตสวยที่สุด. เมื่อดอกไม้ร่วงโรยลงก็เปลี่ยนนำกระถางดอกไม้อื่นมาแทนที่  ทำให้ผู้มาชมสวนได้เห็นพืชพรรณสวยงามตลอดทั้งปีที่นี่. กระถางแต่ละกระถางถูกฝังให้จมลึกลงในทรายเพื่อให้รากพืชเย็นอยู่เสมอ. ภายในเรือนกระจกแบบนี้ ผู้ชมมีโอกาสมองเห็นพืชแต่ละชนิดอย่างใกล้ชิด และชื่นชมความเปราะบางของพืชพรรณเหล่านี้ได้ในทุกฤดูกาล.
ตัวอย่างภาพพันธุ์ไม้ในเนินสูงและวิธีการเลี้ยงดูในเรือนกระจก  กระถางฝังลึกลงในทราย เห็นขอบกระถางเท่านั้น. รากต้นไม้ต้องอยู่ในอุณหภูมิหนาวเย็นเสมอ. เห็นชัดว่าต้นไม้เหล่านี้ต้นเล็กๆเปราะบาง ซึ่งไม่น่าจะเติบโตในที่อุณหภูมิต่ำๆได้. เมื่อดูใกล้ๆมีความละเอียดทุกแง่ทุกมุม  ความงามมีในสรรพสิ่ง อยู่ที่เราจะรู้จักมองไหมเท่านั้น

ภาพดอกไม้ในแถบภูเขา แม้หิมะจะปกคลุมพื้นดิน  พออุณหภูมิสูงขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ  ต้นไม้แสนเปราะบางเหล่านี้ ยังสามารถชอนไชทะลุชั้นหิมะขึ้นรับแสงแดดที่อบอุ่นขึ้น. ดอกไม้บนเขาเป็นสิ่งเตือนใจให้คนอุตสาหะวิริยะต่อสู้กับชีวิตด้วยความไม่ประมาทหรือลุ่มหลง เพราะในที่สุดทุกชีวิตก็เป็นอนิจจัง แต่แม้ชีวิตแสนสั้น ดอกไม้ก็ไม่สิ้นความพยายามที่จะแสดงออกสิ่งที่สวยที่สุดของมันให้โลกรับรู้.

American garden  คำ สวนอเมริกัน ดั้งเดิมหมายถึง สวนที่ปลูกพืชพันธุ์พื้นเมืองของทวีปอเมริกา(เหนือ) มักเป็นสวนแบบผสม (Mixed style garden) สวนอเมริกันเริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 18.  ยุคนั้นมีตระกูล Bartrams ในเพนซิลเวเนีย ที่ค้าขายต้นไม้และพืชพรรณต่างๆ โดยติดต่อส่งให้กับนาย Peter Collinson  ผู้อยู่ที่ลอนดอน. เช่นนี้ทำให้อังกฤษได้พันธุ์ไม้จากอเมริกาเป็นจำนวนมาก พร้อมบริการมหาเศรษฐีเจ้าของที่ดินและนักออกแบบบ้านและสวน. พืชพรรณจากอเมริกาเช่นต้นไม้จำพวกสน (conifers), ต้นไม้จำพวก rhododendrons, magnolias, azaleas, ต้นทิวลิปและพันธุ์ liquidambars เป็นต้น. Humphry Repton นักออกแบบสวนชาวอังกฤษ ได้ออกแบบสวนอเมริกันหลายแห่งในประเทศอังกฤษ เช่นที่ Ashridge และที่ Woburn Abbey. ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1840 เป็นต้นมา คำ สวนอเมริกัน มีความหมายขยายไปรวมพื้นที่เพาะปลูกต้นไม้จากแดนต่างๆทั่วโลก เป็นต้นไม้ประเภทที่ชอบดินเปรี้ยว ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องไปจากทวีปอเมริกาเหนือ.
     จนถึงกลางศตวรรษที่ 20  สวนในทวีปอเมริกาและโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกานั้น เนรมิตขึ้นตามค่านิยมของชาวยุโรป เป็นสวนแบบอังกฤษ อิตาเลียนหรือฝรั่งเศส. เมื่อชาวยุโรปรุ่นแรกไปตั้งถิ่นฐานในทวีปอเมริกาเหนือ จึงสร้างสวนตามแบบที่พวกเขาได้เรียนได้เห็นมาในยุโรป. สถาปนิกสวนอเมริกันรุ่นต่อมาก็ศึกษาการออกแบบสวนจากหนังสือยุโรป. จนถึงกลางศตวรรษที่ 20 เท่านั้น ที่สถาปนิกสวนชาวอเมริกันเริ่มมีความคิดและอุดมการณ์ที่เป็นแบบฉบับของตนเอง. ในตอนนั้นภูมิสถาปัตยกรรมเริ่มขึ้น เป็นแบบสวนโดดเด่น เป็นเอกเทศอย่างถาวรในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเท่ากับทำให้เกิด ภูมิสถาปนิก (landscape architect) ขึ้น. ตั้งแต่นั้น ภูมิสถาปัตย์เข้าไปเกี่ยวข้องกับโครงการสร้างสรรค์สวนในสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิดมากกว่าประเทศอื่นใด  เพราะสวนหรืออุทยานเป็นพื้นที่เปิดโล่งเพื่อสาธารณชน. ภูมิสถาปนิกชาวอเมริกันหลายคนเป็นผู้นำด้านการวางผังเมือง. ประธานาธิบดีอเมริกันสองคน (George Washington และ Thomas Jefferson) ก็มีส่วนอย่างมากในการพัฒนาและการเผยแพร่ค่านิยมเกี่ยวกับสวน ต้นไม้พืชพรรณในสหรัฐฯ  ในทำนองเดียวกับที่กษัตริย์ยุโรป มีอิทธิพลต่อการออกแบบและการเนรมิตสวนในยุโรป. คฤหาสน์ที่พำนักของประธานาธิบดีทั้งสองคนนั้นเป็นตัวอย่างของสวนที่เนรมิตขึ้นสวนแรกๆในสหรัฐฯ.  Mount Vernon Estate and Gardens ที่เคยเป็นที่อยู่ของประธานาธิบดี George Washington ตั้งอยู่ตอนใต้ของกรุงวอชิงตันดีซี  เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี  ดูรายละเอียดได้ที่ www.mountvernon.org (The Estate > Gardens & Landscapes) และ Monticello  ที่เคยเป็นที่อยู่ของประธานาธิบดี Thomas Jefferson ตั้งอยู่ที่เมือง Charlottesville มณรัฐเวอจีเนีย  ก็เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี ดูรายละเอียดได้ที่ www.monticello.org  (House & Gardens > Historic Gardens)
     ทวีปอเมริกาเหนือมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล  มีแบบภูมิประเทศและภูมิอากาศที่แตกต่างกันมากจากทิศเหนือถึงทิศใต้ หรือจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตก  พันธุ์ไม้ของท้องถิ่นจึงมีความหลากหลายที่สุด. นักล่าพืชพรรณชาวยุโรปต่างด้นดั้นไปในทวีปอเมริกาเหนือเพื่อหาพันธุ์ไม้แปลกๆใหม่ๆนำกลับไปปลูกในยุโรป (ดูที่ plant hunter, plant explorer).

สองภาพที่นำมาลง คือภาพส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเวอจีเนีย (Charlottesville มณรัฐเวอจีเนีย) ที่โทมัส เจฟเฟอสัน(Thomas Jefferson ) ร่วมสถาปนาขึ้น. อาณาบริเวณของมหาวิทยาลัยเวอจีเนียทั้งหมดเป็นสวนอุทยานขนาดมหึมาที่น่าอภิรมย์ยิ่งนัก ผู้ออกแบบตระหนักถึงอุดมการณ์ของการเรียนการสอนควบคู่ไปกับการสร้างสวนที่เอื้ออำนวยต่อกันอย่างยิ่ง ตามขนบของมหาวิทยาลัยใหญ่ๆในประเทศอังกฤษ.

Amphitheatre  มาจากคำในภาษาอิตาเลียนว่า amfiteatro คำนี้มีความหมายหลายนัยดังนี้
1.  เป็นแบบสวนแบบหนึ่ง มีพื้นที่หญ้าตัดเรียบเป็นแนวและเป็นขั้นบันได เป็นบันไดตรงยาวเป็นหน้ากระดาน หรือบันไดแบบโค้งตามลักษณะของอัฒจันทร์กรีก  อาจโค้งเป็นวงกลมหรือครึ่งวงกลม. 
2.  พื้นที่ลักษณะเว้าบุ๋มลงเป็นแอ่ง  ต้นไม้ที่ปลูกจึงอยู่ต่างระดับต่างกัน.
3.  ลักษณะการปลูกต้นไม้และพุ่มไม้ให้เป็นวงกลมบนพื้นที่ระดับเดียวกัน แต่เป็นแถวที่มีความสูงลดหลั่นกัน โดยให้ต้นไม้ที่เติบโตสูงใหญ่ได้มากที่สุดอยู่เป็นวงรอบนอกสุด และต้นไม้ที่เตี้ยกว่า ปลูกเป็นวงในลดหลั่นลงถึงวงในสุด. เช่นนี้แนวความสูงของต้นไม้ที่ลดหลั่นกัน จึงดูเหมือนสถาปัตยกรรมของอัฒจันทร์.
4.  บริเวณเปิดกว้างสำหรับการแสดงกลางแจ้ง  รับแนวการสร้างพื้นที่จากอัฒจันทร์กรีกคลาซสิก แต่ไม่เป็นรูปลักษณ์แบบอัฒจันทร์กรีกก็ได้เช่นกัน. 
5. สวนอัฒจันทร์อาจเป็นรูปลักษณ์ของที่ดิน ที่เนรมิตขึ้นด้วยวิธีการปลูกต้นไม้ เช่นในข้อ 3 ข้างต้น หรือสร้างขึ้นด้วยการนำหินมาเรียงเป็นชั้นๆ ดังในข้อ 4.
Amphitheatre โรงละครแบบกรีกโรมันที่ยังเหลือให้เห็นอย่างสมบูรณ์มีหลายแห่งในโลก. ภาพนี้จากเมือง Efes [เอเฟ้ส] ประเทศตุรกี  โครงสร้างของเวทีละครดังกล่าว ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ. ความต้องการจำลองภาพลักษณ์ดังกล่าวเข้าไว้ในบริบทของสวนและอุทยาน ทำให้เกิดแนวคิดสร้างสรรค์เวทีละครภายในสวนหรืออุทยานใหญ่ๆ โดยมีแบบแปลนเวทีต่างๆกันไปแล้วแต่พื้นที่จะอำนวย (ดูภาพต่อไปข้างล่างนี้)
Amphitheatre ในภาพนี้ จากเมือง Fiesole [ฟีเอ้โซเล่] ในประเทศอิตาลี ในแคว้นฟลอเรนซ์. ทุกปียังคงมีการแสดงละครที่นั่น.
ภาพจากสวนของวิลลาแฮมิลตัน(Villa Hamilton) ในบริเวณอุทยานเวอลิตส์ (Dessau-Wörlitz Garden Realm) ที่เป็นอุทยานภูมิทัศน์แบบ สวนอังกฤษ แห่งแรกและแห่งที่ใหญ่ที่สุดในภาคพื้นทวีปยุโรป ครอบพื้นที่ประมาณ 142 ตารางกิโลเมตรในประเทศเยอรมนี. อัฒจันทร์ปูด้วยแผ่นหิน บางตอนปูหญ้าให้ดูแปลกและต่างออกไป. สวนนี้ใช้เป็นที่นั่งพักผ่อนชมวิว และชมการแสดงดนตรีในแต่ละโอกาส. 
สวนวิลลาแฮมิลตันสร้างขึ้นเป็นเกาะกลางแม่น้ำ เมื่อมองจากที่สูงเห็นทัศนียภาพโดยรอบกว้างและไกล. เป็นหนึ่งในวิลลาน้อยแห่งในเยอรมนีที่มีทัศนียภาพของสวนไกลถึงเพียงนี้. อุทยานเวอลิตส์ รวมอยู่ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเรียกเป็นทางการในภาษาอังกฤษว่า อาณาจักรสวนแห่งเดสเซา-เวอลิตส์ (The Garden Kingdom of Dessau-Wörlitz) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 2000 ประเภทภูมิทัศน์เชิงวัฒนธรรม.

สองภาพนี้จากอุทยาน Hidcote [ฮิดเขิด] (Hidcote Batrim, Gloucestershire GL55 6LR) ประเทศอังกฤษ. มุมหนึ่งของสวน เป็นสนามหญ้าผืนยาวและกว้าง  สุดพื้นที่ด้านหนึ่ง สร้างยกขึ้นให้เหมือนเวทีละครทรงกลม มีกำแพงต้นไม้ล้อมรอบ คนสามารถเดินอ้อมพื้นที่นี้ได้. บนเวทีธรรมชาตินี้ ปลูกต้นไม้เป็นกลุ่มอยู่ตรงกลาง. ต้นไม้ที่ปลูกนั้นทำหน้าที่เหมือนผู้แสดง. สุดพื้นที่อีกด้านหนึ่ง มีม้านั่งให้นั่งพักผ่อนอยู่สี่ห้าตัว  หันสู่เวทีธรรมชาติ. สนามหญ้าเขียว (lawn) ยิ่งกว้างใหญ่ ยิ่งเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาของสวน.

สองภาพนี้จากสวน Giardino di Boboli [จีอารฺดี๊โน ดี โบ๊โบลี] ในเขตพระราชวัง Palazzo Pitti [ปาลัสโซ ปิ๊ดตี้] เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี. เป็นที่แสดงละครกลางแจ้งด้านหลังของอาคารพระราชวัง. ในภาพซ้ายเห็นประติมากรรมน้ำพุขนาดใหญ่ประดับบนเทอเรสที่ยื่นออกมาสู่บริเวณ amfiteatro ของพระราชวัง. มีที่นั่งหลายชั้นบนอัฒจันทร์ที่โอบรอบบริเวณเป็นครึ่งวงกลม. แถวบนของอัฒจันทร์มีซุ้มหินเป็นแอ่งลึกเข้าเป็นระยะๆ  ภายในมีรูปปั้นตั้งประดับอยู่ (ดูที่คำ niche). เวทีคือสนามหญ้าเรียบๆไม่มีอะไรประดับตรงกลาง มีอ่างหินแบบอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ประดับ พร้อมกับเสาหินโอเบลิซก์สีชมพูๆ. เน้นนัยของการสืบทอดวัฒนธรรมโบราณมาถึงปัจจุบันและสื่ออำนาจของผู้เป็นเจ้าของ. ลักษณะการจัดพื้นที่ตรงกับความคิดเรื่องเวทีตามขนบที่สืบมาจากกรีซโบราณ นั่นคือการมีพื้นที่เปิดโล่งกว้าง มีที่นั่งเป็นแถวๆ.
-----------------------------------------------

ต่อ A-3 Apiary, Approach, Aqueduct.
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/01/a-3-apiary.html
เมนูหนังสือ ประมวลความรู้จากศัพท์อุทยานศิลป์
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/06/mygardenbook-menu.html

Comments