Cabinet [กาบีเน่] หรือ cabinet de verdure [กาบีเน่ เดอ แวรฺดูรฺ] เป็นคำฝรั่งเศส จากคำ cabinet ที่แปลว่า ห้อง บวกกับคำ verdure ที่แปลว่า พื้นที่เขียว(เพราะมีต้นไม้มาก)
หมายถึงพื้นที่ภายในสวนป่า มีรั้วล้อมรอบ
รั้วนั้นเป็นแนวพุ่มไม้ตัดและขลิบเรียบเสมอกัน (hedge)
เหมือนการสร้างกระต๊อบหลังเล็กหลังหนึ่งในป่า. เพียงแต่กาบีเน่นี้
เปิดสู่ท้องฟ้ามีรั้วพุ่มไม้เตี้ยๆสี่ด้าน มีทางเข้า. ในสถาปัตยกรรมสวน
การสร้างมุมพิเศษเป็นหย่อมๆภายในอาณาบริเวณสวน เรียกกันว่าสร้าง “ห้อง” (ใช้คำ room,
cabinet หรือ salle แล้วแต่ขนาดและจุดมุ่งหมายในการใช้ห้องนั้น)
เหมือนการจัดห้องในบ้าน ห้องไหนเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องอาหารฯลฯ เช่นเดียวกันแต่ละห้องในสวนอาจปลูกพันธุ์ไม้เฉพาะกลุ่มหรือเฉพาะสี
และเรียกว่าห้องสีฟ้า สีขาวฯลฯ ตามสีเด่นๆของดอกไม้ในห้องนั้น
หรือจัดห้องแต่ละห้องเป็นแบบเฉพาะแบบใดแบบหนึ่ง
และเรียกชื่อตามวิธีการจัดสวนในห้องนั้น เช่นเป็นห้องฤดูหนาวหรือ winter garden ที่เพาะปลูกพืชเมืองร้อนที่ทนอากาศหนาวไม่ได้
เช่นที่เมือง Glasgow ในสก็อตแลนด์.
อาคารสีอิฐคือ People’s Palace มีเรือนกระจกเรือนใหญ่ที่เป็นอาคารอภิบาลพืชเมืองร้อนที่นั่นเรียกว่า
Winter
Garden
สร้างติดด้านหลังของอาคารสีอิฐเลย. อยู่ที่เมือง
Glasgow
(Scotland).
แผนผังห้องสวนในพระราชอุทยานแวร์ซายส์
ในภาพนี้ห้องสวนคือหมายเลข 7-23 เห็นชัดเจนว่าแต่ละห้องมีเอกลักษณ์ของตน. ภาพจากเว็ปที่ parisdigest.com.
Cacti house บ้านกระบองเพชร
รวบรวมปลูกพืชพันธุ์ที่ทนความร้อนและความแห้งแล้งแบบทะเลทรายไว้ด้วยกัน.
มักเป็นอาคารหนึ่งในสวนพฤกษศาตร์ทุกสวน เป็นอาคารที่ปรับอุณหภูมิโดยเฉพาะในฤดูหนาว
ส่วนในฤดูที่อากาศร้อนถึงอบอุ่น เปิดประตู(และหน้าต่างบางบาน)ให้ลมพัดถ่ายเทไปมาได้.
บ้านกระบองเพชรอาจเป็นห้องกระจกหลังเล็กที่สร้างในสวนส่วนตัว จนถึงตู้กระจกขนาดย่อม.
สองภาพนี้เป็นอาคารเพาะปลูกไม้พันธุ์กระบองเพชรที่อุทยาน
Duthie Park (เมือง
Aberdeen, Scotland).
ภาพนี้จากอาคารกระบองเพชรที่อุทยาน Herrenhauser
Garten (Hannover
ประเทศเยอรมนี)
Camellia house
บ้านสำหรับปลูกต้นกาเมเลีย (camellia) โดยเฉพาะ. ในอังกฤษ ความนิยมต้นไม้พันธุ์นี้ เริ่มขึ้นพร้อมๆกับการสร้างกรีนเฮาส์แบบวิคตอเรีย. อาคารสำหรับต้นไม้นี้
มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่เปิดออกกว้างในฤดูร้อน
รูปแบบอาคารสมัยปัจจุบันนั้นสร้างโครงกระจกขนาดมหึมาที่วางลงครอบต้นกาเมเลียทั้งต้นรวมทุกกิ่งก้านสาขาไว้ภายในได้หมด.
สวนที่ต้องสร้างบ้านให้ต้นกาเมเลีย ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอากาศหนาว
ในภาคเหนือของยุโรปเป็นต้น จึงต้องปกป้องต้นไม้นี้ระหว่างฤดูหนาว.
เมื่ออากาศอบอุ่นขึ้นจะยกโครงกระจกออก. ต้นกาเมเลียที่เลี้ยงอภิบาลกันอย่างใกล้ชิดในยุโรปนั้น ส่วนใหญ่เป็นต้นที่นำไปจากประเทศญี่ปุ่น บางทีญี่ปุ่นก็มอบต้นกาเมเลียให้แก่นานาประเทศในตะวันตก พวกเขาจึงใส่ใจดูแลต้นไม้นี้เป็นพิเศษ.
ประเทศเขตหนาวจึงสร้างบ้านกระจกให้ต้นกาเมเลีย และมันก็เติบโตขึ้นได้สวยงาม เป็นที่ชื่นชมของชาวเมืองนั้นๆ.
ต่อมาภายหลัง รู้กันว่าต้นไม้พันธุ์นี้ สามารถทนทานอากาศธรรมชาติภายนอกได้ตลอดทั้งปี(แน่นอน ยกเว้นบริเวณอากาศแถบขั้วโลก)
โดยไม่จำเป็นต้องปกป้องไว้ภายในบ้านกระจก จึงเลิกสร้างบ้านกระจกให้ต้นกาเมเลียกันแล้ว.
ในญี่ปุ่นต้นกาเมเลียอยู่ตามธรรมชาติ และออกดอกในฤดูหนาว
ราวเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ เป็นต้นไม้ที่อายุยืนมากด้วย.
ทั้งสองภาพจากอุทยานปราสาท Pillnitz (ใกล้เมือง
Dresden
ประเทศเยอรมนี).
ต้นกาเมเลียที่เติบโตสูงใหญ่ที่นั่นดังในภาพ เป็นพันธุ์ญี่ปุ่น นำไปปลูกในศตวรรษที่18
เนื่องจากภูมิอากาศที่นั่นหนาวกว่าภูมิอากาศในญี่ปุ่นมาก จึงสร้างเรือนกระจกคุ้มครองต้นนั้นเป็นพิเศษ. เรือนกระจกที่สร้างใหม่สำหรับต้นกาเมเลียในปี 1992 ทำฐานข้างล่างเป็นแบบราง สำหรับเลื่อนบานประตูกระจกเปิดปิดได้ยามต้องการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว. ฤดูอื่นๆ บางปีเขายกโครงกระจกออก ระหว่างนั้นภายในใช้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับต้นไม้พันธุ์นี้
ทั้งข้อมูลด้านพฤกษศาตร์ ประวัติการเดินทางของต้นไม้สายพันธุ์นี้จากตะวันออกสู่ตะวันตก
รวมไปถึงจิตรกรรม ภาพวาด ภาพโฆษณา นวนิยาย ดนตรี ที่มีอะไรเกี่ยวกับดอกกาเมเลีย เช่นนวนิยายและบทละครฝรั่งเศส เรื่อง La Dame aux Camélias ของ Alexandre
Dumas (แต่งในปี 1852)
และละครโอเปร่าของ Verdi เรื่อง La
Traviata (1853) ที่ได้แรงดลใจจากนวนิยายของนักเขียนฝรั่งเศสดังกล่าว.
สวน Alameda Park กลางเมือง Santiago de Compostela มีต้นกาเมเลียปลูกเป็นแนวสวยงามมากโดยเฉพาะยามดอกไม้บานเต็มต้น สวนนั้นยังมีต้นไม้ใหญ่ๆทั่วไปทั้งสวน ให้ร่มเงามากเพียงพอสำหรับเดินเล่นและชมทิวทัศน์เมืองเพราะอยู่บนเนินสูง. จากสวนนี้ มองเห็นด้านหน้าของมหาวิหาร Santiago de Compostela ศูนย์จาริกแสวงบุญอันดับแรกในยุโรปเมื่อเส้นทางไปเมืองเยรูซาเล็มถูกชาวอาหรับยึดไป. ดินแดนแถบนี้ดูจะปลูกต้นกาเมเลียได้งามมาก จึงมีสวนกาเมเลีย เป็นส่วนหนึ่งตามวิลลาหรือคฤหาสน์ เช่นที่คฤหาสน์ Pazo de
Oca
ที่ยังเก็บบรรยากาศสมัยยุคกลางไว้ได้ อยู่ที่เมือง Estrada (ไม่ไกลจากSantiago de Compostela).
Campagna
[กัมป๊าญา]เป็นคำอิตาเลียน. “Roman campagna” หมายถึงปริมณฑลนอกกรุงโรมที่เป็นพื้นที่ต่ำในหุบเขาที่ล้อมรอบกรุงโรมในแคว้น
Lazio. พื้นที่ราบแถบนี้
มักเห็นในจิตรกรรมภูมิทัศน์ผลงานของ Claude Lorrain (1600-1682) หรือ Nicolas Poussin (1594-1665). ผลงานของจิตรกรทั้งสอง เป็นที่นิยมชมชื่นของชาวยุโรปมาก และมีส่วนดลใจให้สร้างสวนภูมิทัศน์ขึ้นอังกฤษในศตวรรษที่18. ในบริบทของสวน คำนี้จึงหมายถึง พื้นที่เปิดโล่งกว้าง
เช่นท้องทุ่งสองข้างทางเมื่อขับรถออกจากปริมณฑลของเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ๆ.
Canal
คลองเป็นองค์ประกอบสำคัญของสวน.
ในตะวันตกนิยมเนรมิตคลองเป็นผืนน้ำสี่เหลี่ยมทอดยาวจากอาคารใหญ่สู่พรมแดนสวน
บางทีก็เลยออกไปและเชื่อมต่อกับคลองหรือธารน้ำธรรมชาติที่มีในปริมณฑลเดียวกันนั้น.
ปกติคลองที่เนรมิตขึ้นในสวนหรืออุทยานไม่ลึกมาก เช่นที่พระราชอุทยาน Nymphenburg หรือพระราชอุทยาน Versailles การเนรมิตคลองภายในอุทยานหรือสวนนั้น
ทั้งเพื่อเป็นแหล่งเก็บน้ำที่จำเป็นต้องใช้ในสวน
และเพื่อเสริมความมเหาฬารของสวนแบบแผน(formal garden)
เช่นกรณีของฝรั่งเศสที่พระราชวังอุทยานแวรซายส์ หรือกรณีของอังกฤษที่พระราชอุทยาน Hampton Court ในลอนดอน และโดยเฉพาะผืนน้ำคือกระจกบันทึกภาพอันไพศาลของท้องฟ้า
สะท้อนให้เห็นธรรมชาติรอบข้าง สำหรับจิตสำนึกยุโรป ผืนน้ำเป็นสิ่งสะเทือนความรู้สึก
เก็บความประทับใจและชวนให้ฝันไปได้ต่างๆนานา(ในเชิงบวกมากกว่าเชิงลบ)
รวมทั้งการค้นพบตนเอง (ดั่งตำนานนารซิสซัสเป็นต้น).
แผนผังคลองใหญ่ (Grand Canal) และคลองเล็ก (Petit Canal) ในพระราชอุทยานแวร์ซายส์. เคยเดินเลียบฝั่งคลองตั้งแต่จุดดอกจันแดงที่เป็นที่ตั้งของสระน้ำใหญ่
(Bassin
de Latone) จนครบกลับมาที่เดิม
มากกว่าสามสิบกิโลเมตร. เล่นเอาปางตาย
เพราะไม่ได้วางแผนไว้ ว่าจะเดินแบบนั้น. ดูแผนผังข้างบน จะเห็นว่ามันไม่มีทางออกจากอุทยาน
นอกจากออกตรงจุดทางเข้า.
ภาพนี้จากพระราชอุทยานแวร์ซายส์ เรียกว่า
Le Petit Canal [เลอ เปอติ๊ กานัล] แปลว่า
คลองเล็ก (แต่ความจริงไม่เล็กเลย
เล็กเมื่อเทียบกับคลองใหญ่ที่นั่น) ที่ทอดจากตำหนัก Le Grand Trianon สู่ป่าไกลออกไปสุดสายตา.
สามภาพข้างล่างนี้คือคลองใหญ่
(Le Grand Canal) ที่ทอดจากปราสาทใหญ่ของพระราชวังแวร์ซายส์ออกไป.
คลองใหญ่ (Le Grand Canal) เมื่อมองจากสระน้ำพุที่เห็นในภาพ
(Bassin
de Latone [บัสแซ็ง เดอ ลาต็อน]). ดูภาพและคำอธิบายเพิ่มเติมได้จากที่นี่ (ภาษาฝรั่งเศส) >>
เมื่อมองจากฝั่งคลองใหญ่เข้าสู่ตัวปราสาท เฉพาะน่านน้ำทั้งหมดของคลองใหญ่
คลองยาวๆขนาดกว้างหรือแคบ
เพิ่มเสน่ห์แก่สวนอย่างยิ่ง เช่นคลองเล็กๆสายนี้ที่ไหลเอื่อยๆลดเลี้ยวผ่านพื้นที่ในอุทยาน
Dessau-Wörlitz
Garden Realm ที่เมือง Wörlitz ประเทศเยอรมนี ที่สร้างเป็นอุทยานภูมิทัศน์ตามแบบสวนอังกฤษ
ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกในปี2000.
Canaan [เคเหนิ่น] คือดินแดนทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน
ตรงกับดินแดนของประเทศอิสราเอลและปาเลสไตนในปัจจุบัน. ศาสนาของชนชาตินี้คล้ายๆกับศาสนาบนดินแดนฟินีเซียโบราณ. ชื่อนี้ปรากฏเล่าไว้ในคัมภีร์ไบเบิลเก่าหลายครั้ง
(รวมทั้งในคัมภีร์ของชาวฮีบรู ชาวเมโสโปเตเมีย ชาวอีจิปต์เป็นต้น). ในส่วนที่เกี่ยวกับประติมากรรม จิตรกรรม หรือสวนนั้น คงเหลือไว้เพียงภาพของชายสองคนกำลังหามพวงองุ่นช่อใหญ่
สื่อการปลูกองุ่น การเก็บเกี่ยว การทำไวน์และความอุดมสมบูรณ์ของดินแดน Canaan. ภาพดังกล่าวมักมาเป็นแบบในประติมากรรม,จิตรกรรม,จิตรกรรมกระจกสี
หรือเป็นประติมากรรมจำหลักนูนรอบๆแจกันแบบโถใหญ่ที่ประดับเรียงรายสองข้างทางเดินภายในสวนหรืออุทยานเป็นต้น. ภาพการเก็บเกี่ยวองุ่นและการทำไวน์เป็นเนื้อหายอดนิยมและดูเหมือนจะขาดมิได้เลย
โดยเฉพาะในบริบทของสวน เพื่อเน้นความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติพืชพรรณ.
จิตรกรรม“ฤดูใบไม้ร่วง”ของ
Nicolas Poussin, ระหว่างปี1660-1664.[Public domain], via Wikimedia Commons. เห็นชายสองคนแบกพวงองุ่นหลายช่อก้าวเท้ายาวๆออกจากเมือง Canaan.
สนใจดูรายละเอียดเจาะลึกเกี่ยวกับจิตรกรรมภาพนี้และภาพฤดูอื่นของ
N.Poussin ตามไปอ่านต่อได้ที่นี่ >> http://chotirosk.blogspot.com/2015/03/heritage-from-poussin.html
ในคัมภีร์ไบเบิล
ดูเหมือนต้องการกล่าวถึงดินแดน Canaan ในแง่ที่เป็นแหล่งเพาะปลูกองุ่น (มีร่องรอยของการเพาะปลูกองุ่นบนดินแดนแถบนั้น ตั้งแต่ราวปี 4000 BC.เป็นต้นมา). การกล่าวถึงการปลูกองุ่นนี้ ต้องการโยงไปถึงชีวิตของโนอา(Noah [โน่หวะ]) ผู้สร้างเรืออาร์คพาครอบครัวและสัตว์ชนิดละคู่ลงเรือล่องลอยไป
ตลอดระยะเวลาที่มีน้ำท่วมโลก(The
Deluge). เมื่อน้ำลดลงแล้ว
เรืออาร์คไปเกยฝั่งบนดินแดน Ararat. Noah เริ่มปลูกสวนองุ่นและทำไวน์. ครั้งหนึ่งเขาดื่มมากเกินไป เมาและล้มลงในกระโจม
เสื้อผ้าหลุดลุ่ยร่างเกือบเปล่าเปลือย เผอิญ
Canaan ลูกชายของ Cham ผู้เป็นลูกคนเล็กของ Noah เข้าไปในกระโจม และเห็น Noah นอนเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ ก็ออกมาเล่าอย่างขบขันกับ Sem กับ Japhet. เมื่อทั้งสองรู้ดังนั้น
ก็รีบคว้าเสื้อคลุมตัวยาวเดินถอยหลังเข้าไปในกระโจม
เพื่อคลุมร่างเปล่าเปลือยของพ่อโดยไม่ต้องมอง ด้วยสำนึกว่าการเห็นร่างเปลือยของพ่อทำให้พ่อเสื่อมเสียเกียรติ. เมื่อ Noah ตื่นขึ้น รู้การกระทำของลูกสองคนก็สาปแช่ง Canaan และสั่งให้ไปเป็นทาสรับใช้ Japhet แล้วให้ศีลให้พร
Japhet และอนุญาตให้ Japhet เข้าไปอยู่ในกระโจมของ Sem ลูกคนหัวปี เท่ากับยกฐานะของ Japhet ให้เสมอลูกคนโต (Gn.9,18). เรื่อง Noah เมาจนไร้สตินี้
เป็นบทจารึกเกี่ยวกับการเมาครั้งแรกของมนุษยชาติ
ที่คัมภีร์เก่าต้องการเผยแพร่ให้ปรากฏไว้เพื่อสอนใจชาวคริสต์ถึงการขาดสติและปฏิกิริยาของผู้เห็นความเมานั้น. เนื้อหาดังกล่าวก็ดูเหมาะกับบริบทสวน
ในแง่ที่สวนทำให้นึกถึงพืชพรรณโดยเฉพาะองุ่น ที่ได้ชื่อว่าเป็นทั้งยาและอาหารมาตั้งแต่โบราณกาล.
ภาพหนึ่งจากมหาวิหารศิลปะไบแซนไทนต้นศวรรษที่12, Capella Palatino ที่เมือง Palermo ตอนใต้ของอิตาลี (จากเพจ Theopedie.com). สังเกตหน้าตาของคนที่จับชายผ้าสองข้าง สีหน้าอึดอัด ตาไม่มองลงไปที่ร่างของโนอา. เห็นลูกสองคนกำลังเก็บองุ่นอยู่ทางซ้าย
เป็นวิธีเล่ากิจกรรมการเพาะปลูกของครอบครัวโนอา. ภาพนี้โนอาสวมเสื้อผ้า
แต่นอนไม่เรียบร้อย.
จิตรกรรม “การเมาของโนอา” ของ James Tissot (ราวปี1896 หรือ 1902) [Public domain], via
Wikimedia Commons. ภาพอยู่ที่ Jewish Museum, New York. โนอานอนเปลืยทั้งตัว
จิตรกรเน้นการกระทำของลูกสองคนที่เดินถอยหลังพร้อมผ้าห่มผืนใหญ่เพื่อคลุมร่างของพ่อ.
Canopy
เมื่อต้นไม้ใหญ่ๆอยู่รวมกันในป่า กิ่งและใบตอนบนๆแผ่ออกกว้าง
เหมือนเพดานป่า.
ถ้าเพดานนี้หนาทึบมาก อาจบังแสงแดดและกันสายฝนมิให้ร่วงหลนถึงพื้นป่าได้.
ป่านั้นก็เป็นป่าดงดิบหรือ
rain forest ถ้าเพดานป่าบางๆมีแสงแดดส่องทะลุผ่านถึงพื้นป่าได้ไม่เรียกว่าป่าดงดิบ
เป็นป่าธรรมดาที่มีร่มเงาธรรมชาติ. สวนป่าในยุโรปมักเป็นแบบหลังนี้ ให้ความรู้สึกร่มรื่นและทำให้คนนิยมไปเดินเล่นในป่า
ชมต้นไม้ใหญ่ๆเช่นต้น redwood
(ในวงศ์ Sequoia).
ในขณะเดียวกันก็ได้เห็นพืชพันธุ์หลากหลายที่ขึ้นบนพื้นป่าเช่นหญ้ามอสและพันธุ์ไม้อื่นๆ.
พื้นที่อุทยานขนาดใหญ่ในอังกฤษจึงมีส่วนที่ปล่อยให้เป็นป่า
เพื่อการเดินเล่นและเพื่อการศึกษาวัฏจักรของป่าไม้ เขาเกลี่ยพื้นที่ให้เป็นทางเดินที่สะดวกปลอดภัยภายในสวนป่าแบบนี้. ตัวอย่างที่นำมาให้ดูเป็นกรณีศึกษา
เช่นในสวนพฤกษศาสตร์ Kew Gardens มีมุมต้นไม้ขนาดใหญ่ๆ(แต่ไม่ใช่ป่าดงดิบ)โดยเฉพาะต้น redwood ที่นั่นได้จัดทำร้านขึ้นไปโดยรอบต้นไม้ใหญ่นั้น และปูแผ่นไม้เป็นทางเดินที่มั่นคง ให้คนเดินดูไปได้โดยรอบบริเวณนั้นในระดับสูง
มองดูกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ได้ใกล้ชิดชัดเจน เรียกว่าเป็น Tree top walk. ใกล้บริเวณนั้น มีข้อมูลเกี่ยวกับต้น redwood เพื่อเร้าความสนใจเกี่ยวกับต้นไม้นี้.
สามภาพข้างบนนี้
แสดงลักษณะการก่อเป็นร้าน ทำเส้นทางเดินให้เป็น Tree
Top Walk ภายในสวนพฤกษศาสตร์ Kew
Gardens.
บนพื้นมุมหนึ่งปูด้วยอิฐเป็นรูปวงกลมวงกว้าง. จุดใจกลางมีคำจารึกไว้ว่า
“คุณกำลังยืนอยู่ตรงกลางของรัศมีวงล้อมที่ตัดผ่าขวางลำต้น
giant
redwood โดยเฉลี่ยต้นไม้นี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
6.2
เมตรหรือ 27 ฟุต” (You are standing in the
middle of a giant redwood. Average giant redwood trunk diameter 6.2 m/27 ft ). รูปวงกลมวงกว้างวงนี้(ภาพไม่ครบวง)จึงแทนความกว้างของลำต้น giant redwood.
ภาพแสดงลำต้นของ giant redwood ที่ตายแล้ว
มีข้อมูลติดเจาะจงให้เห็นว่าแต่ละวงในเนื้อไม้
แทนอายุปีของต้นไม้ตั้งแต่วงในสุดที่รวมตัวเป็นแก่นไม้ ตรงกับปี 1889 เมื่อหอคอยไอเฟิลสร้างเสร็จ
และมีวันที่พิเศษอื่นๆที่ชี้บอกเป็นระยะๆจนถึงวงแกนไม้วงนอก(ที่ยังไม่ใช่วงสุดท้าย)
ในปี 1997
เมื่ออินเตอเน็ตกลายเป็นอุปกรณ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย.
ภาพวาดนี้(ในบริเวณเดียวกันนั้นในสวนคิว) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอายุและความสูงของต้น
giant
redwood เมื่อเทียบกับต้นไม้ยืนต้นอื่นๆ
และเมื่อเทียบกับเจดีย์จีนในสวนคิว (The Pagoda ที่เป็นอาคารสูงที่สุดในสวนคิวคือสูง
163 ฟุตหรือเท่ากับ 50 เมตร สร้างเมื่อปี 1761) (ดูที่คำ
pagoda).
------------------------------------------
C-2 >> Capital, Carpet bedding, Cascade, Casino,
Casita.
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/01/c-2-cascade.html
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/01/c-2-cascade.html
เมนูหนังสือ
ประมวลความรู้จากศัพท์อุทยานศิลป์
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/06/mygardenbook-menu.html
Comments
Post a Comment