C-10 Crop circle

Crop circle “คร็อปเซอเคิล” เป็นลวดลาเรขาคณิตที่ปรากฏขึ้นบนพื้นนาข้าว ส่วนใหญ่เป็นนาข้าวสาลี ไรย์หรือบาร์เลย์ บางทีไปปรากฏในทุ่งเรพ-rapeseed, ทุ่งต้นป่าน-linseed, ในทุ่งข้าวโพด-maize เป็นต้น. ปรากฏการณ์ คร็อปเซอเคิล โดยปริยายเกิดขึ้นในฤดูเพาะปลูก เป็นนาหรือทุ่งที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวหรือยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว. ในสหราชอาณาจักร เคยปรากฏตั้งแต่เดือนเมษายน พฤษภาคม และถี่มากในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม. คร็อปเซอเคิล หลายแห่งเกิดขึ้นในคืนเดียว ในชั่วเวลาเพียงสองสามชั่วโมงในความมืดของหน้าร้อน. ลวดลายเห็นชัดตั้งแต่แสงอรุณรุ่ง เป็นลายที่ครบสมบูรณ์ไม่มีที่ติเลย. ต้นข้าวหรือต้นพืชภายในวงของ คร็อปเซอเคิล แม้มีลักษณะเหมือนถูกหักหรือกดทับงอลงถึง90องศาก็ตาม มันไม่ตายแต่เจริญงอกงามต่อไปตามวัฏจักร และก็ถูกเก็บเกี่ยวไปกับต้นอื่นๆทั้งทุ่งนานั้น.
     ลวดลายของคร็อปเซอเคิล เกิดจากการกดทับต้นพืชในนานั้น ให้แบนราบและล้มลง. ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างต้นพืชที่ยังยืนตั้งตรงกับต้นที่ถูกกดทับแบนราบลงที่พื้นนา. การที่ต้นถูกทับก็มิได้อยู่ณจุดเดียว แต่ต่อๆไปบนพื้นนาขวาบ้างซ้ายบ้าง เมื่อมองจากท้องฟ้า เห็นเป็นลวดลายขนาดใหญ่ทอดต่อๆไปบนพื้นที่กว้าง ลายก็สวยงาม มีเส้นโค้ง วงกลม เส้นตรง แผ่ไปอย่างเป็นระเบียบ มีสัดส่วน ราวกับวางแบบไว้ก่อน. ที่สำัญคือ ลวดลายปรากฏั่วข้ามืน. นี่เองที่เป็นความลึกลับที่ถกเถียงกันไม่จบสิ้น. ใครเป็นคนไปทุบต้นพืชให้ล้มอย่างเป็นระบบ มีระเบียบได้ถึงปานนั้น และในยามค่ำคืนที่ไม่มีแสงสว่างใดบนพื้นนาและไม่เคยมีใครเห็นเลย ไม่ทิ้งรอยเท้าใดๆให้เห็น. จนถึงรุ่งเช้า ผู้เห็นมักเป็นคนขับเครื่องบินที่เผอิญบินผ่านเหนือพื้นนา แล้วค้นพบ เห็นลวดลายบนพื้นนานั้นและบอกให้ชาวนารู้. คนก็พากันไปดูและสำรวจ เมื่อมองในระดับราบบนพื้นนา มองไม่ออกว่าลวดลายเป็นฉันใด เพียงแต่เห็นพืชแถบหนึ่งราบติดดิน มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ วิธีการเกี่ยวการพันของต้นข้าวที่ล้มลง เป็นลายจักสานบ้างฯลฯ  ผู้ที่ติดตามศึกษาคร็อปเซอเคิล ปีแล้วปีเล่า เก็บบันทึกภาพเป็นข้อมูลไว้อย่างละเอียดชัดเจน เป็นพยานหลักฐาน(in situ)อย่างแท้จริง.
     ขนาดของ คร็อปเซอเคิล  มีตั้งแต่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเมตรไปจนถึงหลายร้อยเมตร. บางลวดลาย มีวงกลมเล็กๆประกอบเหมือนเป็นดาวบริวารหรือแซทเทอไลต์ของลวดลายวงใหญ่. คร็อปเซอเคิลที่ใหญ่ที่สุดที่เคยเก็บข้อมูลกันมาคือปรากฏการณ์ที่ Milk Hill (Wiltshire) ปี2001.  ลวดลายนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 238 เมตร ลายเวียนเป็นวงๆ ถึง 409 วงที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ไม่ถึงเมตรดีจนถึง21 เมตร. โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 60-90 เมตร.
นี่คือคร็อปเซอเคิลขนาดใหญ่ที่สุด ที่ไปปรากฏที่ Milk Hill ใน Wiltshire (UK) ในปี2001. เครดิตภาพของ Handy Marks | public domain. อ่านรายละเอียดได้ที่ลิงค์นี้.
    ประเด็นที่ยังถกเถียงกันไม่สิ้นสุดคือ ปรากฏการณ์ คร็อปเซอเคิล มีตั้งแต่เมื่อไร ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าเป็นปรากฏการณ์ในสมัยใหม่ในทศวรรษที่1970 และอีกฝ่ายหนึ่งเชื่อว่ามันเกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ยุคโบราณ. คร็อปเซอเคิล แห่งแรกที่มีการถ่ายรูปและเก็บข้อมูลอย่างเป็นทางการคือในปี 1976. แต่หลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่มี คือแผ่นไม้แกะสลักที่เรียกกันว่า Mowing Devil (มารเกี่ยวข้าว) ที่ตกทอดมาจากทศวรรษที่ 1600 ดังภาพข้างล่างนี้.
ภาพพิมพ์จากแผ่นไม้แกะสลักปี1678 แสดงให้เห็นว่ามารตนหนึ่งกำลังเกี่ยวต้นข้าวสาลี ด้วยการจัดวางต้นข้าวให้ล้มลงบนดิน เหมือนกำลังทำคร็อปเซอเคิล. ภาพนี้จากราชกิจจานุเบกษาของหน่วยราชการอังกฤษเล่มหนึ่ง (ดูได้จากลิงค์ dark-ride.org อยู่ใน Public domain). มีผู้คิดว่าภาพนี้อาจไม่เกี่ยวกับคร็อปเซอเคิลก็ได้.
เมื่อพิจารณาคร็อปเซอเคิลที่เกิดขึ้นจริง เข้าไปดูใกล้ๆว่า ต้นข้าวถูกทุบให้ล้มอย่างไรเมื่อเทียบกับต้นที่ไม่ถูกทุบหรือถูกกดถูกทับ เป็นดั่งในภาพข้างล่างนี้
รายละเอียดของคร็อปเซอเคิลที่เกิดบนพื้นที่ระหว่าง Steckborn and Hörhausen ในสวิสเซอแลนด์ เช้าวันที่ 12 กรกฎาคม 2009. ภาพนี้ระบุที่มาว่า เป็นภาพของ Kecko from Northeast corner of, Switzerland (Swiss Crop Circle Detail) [CC BY 2.0 (http://creativecommons.org/licenses/by/2.0)], via Wikimedia Commons.
ภาพแสดงให้เห็นข้อต้นพืชตามปกติ ข้อที่ยาวขึ้นเมื่อถูกงอและข้อที่แตกออกในวงคร็อปเซอเคิล
     ใครเป็นคนทำ คร็อปเซอเคิล เหล่านี้  สันนิษฐานกันมาว่า อาจเกิดจากลมบ้าหมู จากพลังงานจากใต้พื้นโลก หรือมนุษย์ต่างดาว หรือมีคนขี้เล่นที่ต้องการหลอกลวงคนให้ตื่นเต้นฮือฮาเป็นต้น (กรณีหลังนี้ เพราะมีผู้ประกาศว่าเป็นคนทำ แสดงให้ดูด้วย แต่ก็ไม่ทำให้ทุกคนคล้อยตาม เพราะฝีมือคนทำหยาบกว่ามาก คร็อปเซอเคิลจริงๆสวยงามต่างกันมาก ความละเอียดประณีตก็เทียบกันไม่ได้เลย คนที่อ้างว่าทำคร็อปเซอเคิลในอังกฤษ อวดอุตริทำไปทำไม ได้อะไรจากการสร้างปรากฏการณ์เพื่อหลอกคนเล่นหรือ?).  คำถามนี้เปิดให้ทุกคนขบคิดตามจริต. นักวิจัยบางกลุ่มมองว่าคร็อปเซอเคิลเป็นลวดลายของระบบดวงดาวบ้าง, เกี่ยวกับ quantum physics บ้าง, เกี่ยวกับ UFO (Unidentified flying objects), หรือเป็นรหัสอัลเคมี(รสายนเวท) หรือเป็นภาพสะท้อนของจิตวิญญาณแบบหนึ่ง  และมีผู้ผลักการวิเคราะห์ไปถึงศาสตร์ cymatics ที่เชื่อมรูปลักษณ์กับความถี่และจิตใต้สำนึก.
ภาพสเก็ตช์แสดงจานอวกาศกำลังทำคร็อปเซอเคิล ที่มีผู้ส่งไปถึงกระทรวงกลาโหมในราวปี 1998. ภาพจาก The National Archives UK [No restrictions], via Wikimedia Commons.
ภาพสเก็ตช์นี้จากจินตนาการว่า มนุษย์ต่างดาวมาทำคร็อปเซอเคิลบนโลก. คนที่คุยว่าเป็นคนทำ ก็ทำด้วยวิธีนี้. ความคิดว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นคนทำนั้น ยังคาค้างใจคนจำนวนมาก แต่เพราะไม่มีหลักฐานยืนยัน ไม่มีร่องรอยใดเลยให้แกะตามไปถึงต้นตอ ประเด็นว่าใครทำจึงเปิดไว้เสมอ.
การวิเคราะห์และคำนวณรูปลักษณ์ของคร็อปเซอเคิล ทั้งเชิงเรขาคณิตและคณิตศาสตร์อย่างละเอียดแบบเจาะลึกลงถึงกระเบียดนิ้ว ทำให้เชื่อว่าลวดลายของคร็อปเซอเคิลนั้น มิได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่น่าจะมีความหมาย มีสารที่ผู้ทำต้องการบอก. แต่ในเมื่อไม่สามารถหาตัวผู้เนรมิตคร็อปเซอเคิล จึงเบนความสนใจไปที่การวิเคราะห์สรรพสิ่งที่เกี่ยวข้องภายในพื้นที่ที่เกิดคร็อปเซอเคิล.
    การวิเคราะห์เชิงวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับต้นพืชที่ถูกทับถูกกดให้ล้ม การนำดินของพื้นที่ที่เกิด คร็อปเซอเคิล ไปวิเคราะห์ในห้องแล็ป รวมทั้งการติดตามสำรวจพื้นที่ที่เกิดคร็อปเซอเคิล อย่างต่อเนื่อง กับการสำรวจต้นข้าวหรือต้นพืชในพื้นที่ที่เกิดคร็อปเซอเคิล ทั้งในขณะนั้นปีนั้นและในปีต่อๆมา เช่นนี้นักวิทยาศาสตร์ได้เก็บรวบรวมเป็นข้อมูลเกี่ยวกับคร็อปเซอเคิลอย่างละเอียด. เป็นต้นว่า ต้นพืชภายในวงคร็อปเซอเคิล มีการเจริญแตกหน่อในอัตราความเร็วที่ต่างจากต้นพืชที่อยู่นอกวงคร็อปเซอเคิลบนที่นาผืนเดียวกัน. บางแห่งเติบโตเร็วกว่า บางแห่งเติบโตช้ากว่า. รวงข้าวในพื้นที่ที่เกิดคร็อปเซอเคิล มีเมล็ดลดน้อยลงไปมาก บางทีก็ไปรวมอยู่ซีกเดียวของรวง. บนพื้นที่ที่เกิดคร็อปเซอเคิล มีรอยไหม้เป็นหย่อมๆ เหมือนโดนความร้อนสูง ความร้อนนั้นมาจากไหน. ภายในพื้นที่ที่เกิดคร็อปเซอเคิล พบแมลงวันตายเป็นจำนวนมาก บางแห่งพบทากตายด้วย. มีสสารแปลกๆเกิดขึ้นภายในพื้นที่ของคร็อปเซอเคิล เมื่อตรวจดูสาร (substance) เหล่านั้น ไม่ใช่สารที่มีในธรรมชาติของพื้นดินแถบนั้น. เกิดความเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของดินที่เคยมีคร็อปเซอเคิล เช่นในปีถัดไปพื้นดินตรงนั้นมีลวดลายของคร็อปเซอเคิลเก่าปรากฏเลือนลางบนพื้นที่เดิม และต้นพืชในบริเวณนั้นเจริญงอกงามดีกว่าที่อื่นในทุ่งนาเดียวกัน. เมื่อสำรวจสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของพื้นที่ที่เกิดคร็อปเซอเคิล สนามแม่เหล็กไฟฟ้าแปรปรวนไปจากเดิม เข็มทิศไม่ชี้ไปที่ทิศเหนือแล้ว. นาฬิกาบอกเวลาก็แปรปรวน เมื่อดูนาฬิกาภายในพื้นที่ของคร็อปเซอเคิล กับดูนาฬิกานอกขอบพื้นที่ เวลาจากสองตำแหน่งไม่ตรงกันเป็นต้น (cf. Janet Ossebaard)   
    เว็ปเพจ The Mystery decoder ได้รวบรวมภาพและข้อมูลเกี่ยวกับคร็อปเซอเคิล ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมาจนถึงปี2015 (ติดตามรายละเอียดได้ที่ลิงค์นี้) ว่าเกิดทั้งหมด 2822 ครั้ง จดสถิติมาไว้และนำมาศึกษาเปรียบเทียบ. เช่นในปี 2000 เกิดขึ้น 299 ครั้ง และในปี 2015, 94 ครั้ง. ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม อันเป็นระยะเวลาการเพาะปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยวต้นข้าวสาลีและธัญพืชอื่นๆในยุโรป. หากเทียบรูปลักษณ์สัณฐานของคร็อปเซอเคิลทั้งหลายที่เคยมีมานั้น ในปีแรกๆเป็นวงกลมๆ เล็กบ้างใหญ่บ้าง ต่อมาระหว่างปี 1914 - 1947 เพิ่มลายช่อข้าวสาลี ลายนี้เกิดซ้ำๆหลายครั้ง. ในปีหลังๆมานี้ มีลวดลายคล้ายรหัสคอมพิวเตอร์ หรือมีใบหน้ามนุษย์ต่างดาวแทรกเข้าไปด้วย. แต่การแกะหรือถอดรหัสลายของคร็อปเซอเคิลนั้น ยากมาก การเจาะจงว่าคืออะไร จึงเป็นการสันนิษฐานและคาดเดาเอามากกว่า เพราะทั้งขนาด รูปร่างและความซับซ้อนของคร็อปเซอเคิล ไม่คงที่หรือไม่เหมือนกันเลย. อีกทั้งมีกรณีที่คร็อปเซอเคิลเผยให้เห็นลวดลายพิเศษเพิ่มเติมขึ้นหลายวันหรือหลายสัปดาห์ต่อมา เช่นคร็อปเซอเคิลที่ Silbury (Wiltshire) ปรากฏขึ้นในวันที่ 2 สิงหาคมปี2004 ขนาด 107เมตร และวันต่อมา ในขณะที่ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่นั่น เกิดลวดลายปรากฏชัดขึ้นมา สวยงามเป็นงานศิลป์เลยทีเดียว หากคิดว่ามีคนเข้าไปแต่งเติมคร็อปเซอเคิลนั้นให้สวยงามเป็นพิเศษ ก็ไม่น่าจะทำได้โดยที่ไม่มีใครรู้เห็น. เพราะทันทีที่มีคนค้นพบคร็อปเซอเคิล ที่ใด เหล่านักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยต่างไปรวมกันที่นั่น และติดตามดูอย่างไม่ลดละ แม้เมื่อเก็บเกี่ยวทุ่งนานั้นไปหมดแล้ว พื้นดินตรงนั้นยังมีพลังงานสูง มิได้หายไปไหน พลังงานในพื้นที่ตรงนั้นทำให้ต้นพืชที่เกิดใหม่ในปีถัดมาแข็งแรงเติบโตกว่าต้นที่อยู่นอกวงของคร็อปเซอเคิล.
    ในเว็ปเพจเดียวกันนี้(The Mystery decoder) ผู้ศึกษาได้โยงคร็อปเซอเคิลกับมหันตภัยธรรมชาติที่เกิดตามมาในปีนั้น และเป็นเช่นนี้หลายต่อหลายครั้ง จนทำให้เชื่อว่าการปรากฏของคร็อปเซอเคิล เป็นสารเตือนภัยล่วงหน้า เชื่อว่ามีอะไรเกี่ยวกันอยู่ และเขาก็ตรวจสอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อมาหลังจากที่เกิดคร็อปเซอเคิลขึ้นณถิ่นแดนใด. ตัวอย่างเช่น
   เกิดคร็อปเซอเคิล 6 แห่งระหว่างวันที่ 8 เมษายนถึงวันที่ 3 สิงหาคมปี 2004. สี่เดือนต่อมาเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง(ขนาด 8.6-9.0 ตาม Richter Magnitude scale) ที่เกาะสุมาตรา ตามด้วยสึนามิที่กวาดชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย กระทบมาถึงชายฝั่งไทยและข้ามไปยังชายฝั่งตะวันออกของประเทศอินเดีย.
    เกิดคร็อปเซอเคิล 6 แห่ง ตั้งแต่ต้นปี 2010 ถึงวันที่ 25 มิถุนายนปี 2010 ที่เหมือนสัญญาณเตือนภัย ก่อนแผ่นดินไหว ตามด้วยสึมามิและการระเบิดของศูนย์พลังงานนิวเคลียส์ในเดือนมีนาคมปี 2011 ที่ญี่ปุ่น.
   เมื่อพิจารณาปี2015 เกิดคร็อปเซอเคิล 15 แห่งในเวลา 45 วันระหว่างวันที่ 9 มิถุนายน ถึงวันที่ 25 กรกฎาคมปีเดียวกันที่ Wiltshire ใกล้ที่ตั้งของ Stonehenge. เป็นการเตือนภัยที่เขย่าขวัญ ตั้งแต่ปีนั้นโลกวนเวียนถดถอยลงเรื่อยๆ เกิดความสับสนอลหม่านที่คนไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งทางการเมืองและสังคม(เช่นปัญหาซีเรีย,กลุ่มไอซิส) ความไม่สงบทั้งหลายทั้งปวงปรากฏในทุกมุมโลก เหมือนวังน้ำวนที่ดึงทุกอย่างจมลงๆ.   
      ผู้สนใจศึกษาเรื่องคร็อปเซอเคิล เบนไปที่การหาความหมายจากรูปลักษณ์ของคร็อปเซอเคิล  นักวิทยาศาสตร์หลายคนพยายามถอดรหัส หานัยและข้อมูลจากคร็อปเซอเคิลให้มากที่สุด ซึ่งจนบัดนี้ยังอยู่ในสถานะของการคาดคะเน แม้ทุกฝ่ายจะเชื่อว่า คร็อปเซอเคิล เกิดจากพลังมหาศาลที่มาประทับบนพื้นโลก. นี่จึงยังเป็นข้อมูลที่เปิดกว้าง ผู้สนใจหาอ่านเรื่องราวและตัวอย่างปรากฏการณ์แปลกๆเกี่ยวกับ คร็อปเซอเคิล ได้อย่างเจาะลึกในอินเตอเน็ต. นำตัวอย่างมาให้ดูดังต่อไปนี้
ภาพมุมสูงของคร็อปเซอเคิล ที่เกิดในสวิตเซอแลนด์ เห็นคนเดินดู. ระบุที่มาว่า ภาพของ Jabberocky, 29 July 2007 [Public domain], via Wikimedia Commons.
ภาพมุมสูงของคร็อปเซอเคิลที่ปรากฏขึ้นที่เมือง Diessenhofen (Thurgau, Switzerland) เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมปี 2008. ภาพของ Hansueli Krapf, 15 July 2008.[CC BY-SA 3.0 (https://creativecommons.org/licenses/by-sa/3.0)], via Wikimedia Commons.
ภาพคร็อปเซอเคิลที่เกิดที่ Cley Hill ใกล้เมือง Warminster (Wiltshire, UK) เมื่อ 18 July 2017. จากสถิติที่เก็บกันมา ปรากฏการณ์ คร็อปเซอเคิล ในสหราชอาณาจักรนั้น มักอยู่ในเทศมณฑล Wiltshire เป็นสำคัญ และเมือง Avebury เป็นศูนย์กลางของดินแดนที่มีคร็อปเซอเคิลในสหราชอาณาจักร. (แต่ก็มีคร็อปเซอเคิลที่เคยปรากฏในถิ่นอื่นๆด้วยเช่นกัน). ตามไปดูคลิปวีดีโอเกี่ยวกับคร็อปเซอเคิลนี้ ที่ลิงค์นี้. (2:54 min)
ทำไมคร็อปเซอเคิลจึงมารวมอยู่ที่สหราชอาณาจักรมากกว่าที่ใดในโลก คำตอบคือเพราะเส้นแวงที่ศูนย์องศา(the prime meridian) ลากผ่านเมืองกรีนิชในประเทศอังกฤษ. นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า พลังงานจะแผ่กระจายได้ง่ายกว่าและทั่วถึงกว่าเมื่อออกจากเส้นแวงศูนย์องศา.
ลองคลิกเข้าไปชมวีดีโอนี้ที่ไปถ่าย คร็อปเซอเคิล ที่ปรากฏขึ้นที่ Stanton St Bernard (Wiltshire, UK) เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2017 (6:50).
หากสนใจติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับการวิเคราะห์วิจารณ์และวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ของคร็อปเซอเคิลนี้ และข้อมูลที่เกี่ยวเนื่อง เชิญตามไปอ่านได้ที่ลิงค์นี้.
    ดูคลิปเกี่ยวกับคร็อปเซอเคิลที่ The Cerne Giant ChalkHill-Figure, in Cerne Abbas, Dorset (UK) ปรากฏเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2017 (6:56 min). เชื่อกันว่าเป็นการเชื่อมต่อที่ชัดเจนระหว่างรูปลักษณ์ของผู้ชายบนเนินเขากับคร็อปเซอเคิลที่เกิดขึ้นใกล้เคียงกัน เป็นรูปวงกลมสองวงมาซ้อนกันอยู่ส่วนหนึ่ง เกิดเป็นกระเปาะตรงกลางที่มองได้ว่าเป็นเบ้ากำเนิด เหมือนสัญลักษณ์เรขาคณิตของกระเพาะปลา (vesica-pisces) และที่สื่อความอุดมสมบูรณ์.
    คลิปข้างล่างนี้ จากผู้ค้นคว้าเรื่องคร็อปเซอเคิลติดต่อกันมา 23 ปี Janet Ossebaard (ชาวเนเธอแลนด์) ให้ความรู้ยืนยันทางวิทยาศาสตร์ว่าอย่างน้อย 94% ของคร็อปเซอเคิลไม่ได้เกิดจากฝีมือของคน. แต่ก็ยอมรับว่ามี คร็อปเซอเคิล ที่คนทำขึ้นหลอกคนอื่นๆ แต่หากเข้าไปวิเคราะห์ด้วยกลไกทางวิทยาศาสตร์อย่างใกล้ชิดแล้ว ชัดเจนว่า คร็อปเซอเคิล ที่คนทำ เหมือนภาพกลวงๆ ไม่มีพลังงานภายในพื้นที่ ไม่สร้างความสะเทือนใจแก่คนที่เข้าไปในนั้น ในขณะที่คร็อปเซอเคิลจริงๆนั้น คนรู้สึกถึงพลังงานเมื่ออยู่ภายในพื้นที่ รู้สึกถึงความเบิกบาน ความงามความทึ่งที่ได้เห็นรายละเอียดที่ไม่น่าเชื่อต่างๆ ดูคลิปนี้. (ยาว 13:01 min)
อย่างไรก็ดี เรื่องราวของคร็อปเซอเคิล ยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับอย่างเป็นทางการจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมนุษย์ต่างดาว จึงยังคงเป็นเรื่องที่เปิดและไม่มีข้อยุติจนกว่าจะมีหลักฐานใหม่ๆสนับสนุน.
ตัวอย่างลวดลายคร็อปเซอเคิล ทั้งหลายทั้งปวงที่ปรากฏขึ้นตามที่ต่างๆในโลก เจาะจงกันว่ามีมากกว่า 5000 แห่งที่เคยปรากฏมาแล้วในสามสิบประเทศ และโดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร. ภาพนี้จากเว็ปเพจ cellar.org.
--------------------------------------------
C-11 >> Curiosity
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/03/c-11-curiosity.html
เมนูหนังสือ ประมวลความรู้จากศัพท์อุทยานศิลป์
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/06/mygardenbook-menu.html

Comments