Fountain แปลว่า น้ำพุ. คำนี้หมายถึงสายน้ำที่พุ่งออก
(มักคิดว่าสายน้ำต้องพุ่งสูงขึ้น
แต่พุ่งหรือทะลักออกจากปากน้ำพุแบบใดก็เป็นน้ำพุเหมือนกันในความหมายกว้าง). น้ำพุคำนี้
ยังรวมถึงประติมากรรมที่สร้างประดับปากน้ำและสายน้ำด้วย
คำน้ำพุจึงเป็นทั้งน้ำและสิ่งก่อสร้าง. ในบริบทสวน น้ำพุอาจมีขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ที่รวมประติมากรรม ตั้งอยู่กลางบึงหรือกลางทะเลสาบ.
แบบง่ายที่สุดเช่นเป็นสายน้ำที่พุ่งขึ้นจากกลางสระน้ำ หรือจากกลุ่มประติมากรรมกลางสระน้ำหรือกลางบึง หรือประติมากรรมที่มีส่วนหนึ่งติดกำแพงแบบใดแบบหนึ่งเป็นต้น.
น้ำพุหลากมิติ
มาดูตัวอย่างประติมากรรมน้ำพุขนาดใหญ่เล็กอื่นๆจากสวนต่างๆ ที่ประทับใจก็มีมาก ดังตัวอย่างข้างล่างนี้
น้ำพุหลากมิติ
ในตำนานโรมัน
จูปิเตอร์แปลงร่างของนางไม้ที่ชื่อ Jouvence (แปลว่า ความเยาว์วัย) ให้เป็นน้ำพุ เป็นน้ำพุแห่งอายุวัฒนะ (La fontaine de jouvence) ที่ปรับชีวิตร่างกายและจิตวิญญาณของผู้ดื่มให้อ่อนเยาว์
เท่ากับช่วยขจัดโรคทุกชนิดและปลดทุกข์โศก เช่นนี้ทำให้คนนั้นกลายเป็นผู้ไม่รู้ตาย. วรรณกรรมโบราณกล่าวอ้างถึงน้ำพุนี้เสมอ. เช่นกันในตำนานชาวเคลต์
ก็มีเล่าไว้ว่า ผู้ติดตามเทพธิดา Dana(sic คนละคนกับไดแอนนา) ใช้น้ำจากน้ำพุวิเศษ
ประพรมแก่ผู้บาดเจ็บที่หายเจ็บหายขาดในทันที.
จิตรกรรม“น้ำพุอายุวัฒนะ”หรือ La Fontaine de Jouvence ของ Lucas
Cranach (1546).ข้อมูลภาพ>> Lucas Cranach the Elder
[Public domain], via Wikimedia Commons. กลางสระน้ำ มีคอลัมภ์น้ำพุที่ไหลลงสู่สระ มีสายน้ำสี่สาย. น้ำที่ไหลออก(ตรงข้ามกับน้ำที่หยุดนิ่งอยู่กับที่) เป็นน้ำที่มีสรรพคุณสูง
ช่วยชำระล้างร่างกายของผู้ที่ลงแช่ในน้ำนั้น ให้สะอาดหมดจด
ช่วยให้ผู้ดื่มมีพลังวังชาเหมือนหนุ่มสาว.
ภาพจิตรกรรมน้อยอีกแบบหนึ่งของ“น้ำพุแห่งอายุวัฒนะ” กำกับไว้ว่าเป็นผลงานของ Maître du château de la Manta. ราวปี 1420.
ภาพจิตรกรรมน้อยอีกแบบหนึ่งของ“น้ำพุแห่งอายุวัฒนะ” กำกับไว้ว่าเป็นผลงานของ Maître du château de la Manta. ราวปี 1420.
น้ำเป็นสัญลักษณ์ของสตรี ของชีวิต. ร่างกายคนมีน้ำเป็นองค์ประกอบของชีวิตโดยเฉลี่ยประมาณ
60% ของน้ำหนักตัวของแต่ละคน. (มีปัจจัยอื่นๆอีกที่ส่งผลต่อระดับมากน้อยของน้ำในคน)
น้ำช่วยปรับธรรมชาติภายในของคนให้สมดุลอยู่เสมอ.
เราไม่ลืมว่าสรรพชีวิตอุบัติขึ้นในบริบทของน้ำ (ในทะเลหรือในน้ำภายในท้องของผู้อุ้มครรภ์). โดยธรรมชาติและเพื่อการอยู่รอด
สรรพชีวิตต้องการน้ำ โหยหาและหวนเวียนกลับไปหาน้ำเสมอ. การได้ดื่มน้ำ ได้ลงน้ำ
ในเชิงจิตวิทยาจึงเป็นตัวสร้างพลังให้เกิดขึ้นใหม่อยู่เสมอ
เหมือนการกลับไปสู่ถิ่นที่เกิดหรือกลับไปสู่สภาพชีวิตที่อบอุ่นปลอดภัยในครรภ์มารดา.
ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์
มนุษย์ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณที่มีตาน้ำ ต้นน้ำ แม่น้ำฯลฯ และชุมชนก็ขยายออกไปจากตรงนั้น. แต่คนสมัยใหม่ลืมๆไปแล้วถึงจุดเริ่มต้นของชีวิต
ของวัฒนธรรมที่มีน้ำเป็นฐานของทุกอย่าง. โชคยังดีที่มีปัญญาชน กวี
นักเขียน นักคิดที่มิได้มองข้ามกุญแจสำคัญของชีวิตนี้ไป
และได้กระตุ้นความตระหนักรู้เกี่ยวกับน้ำ การอนุรักษ์น่านน้ำ มวลน้ำ
หรือนำน้ำไปใช้ในธุรกิจการสร้างภาพเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว. เพื่อการนี้ จึงมีการสร้างสระน้ำ น้ำพุแบบต่างๆ
แข่งกันแสดงอำนาจด้วยมวลน้ำ เช่นการจัดดนตรีกับสายน้ำที่ขึ้นลงหรือเคลื่อนไหวไปตามจังหวะดนตรี(ที่ชาวอิตาเลียนเป็นผู้เริ่มขึ้นในยุคเรอแนสซ็องส์). ปัจจุบันจุดชมดนตรีน้ำที่น่าจะอลังการที่สุดไปรวมกันที่ Las Vegas. ยังมีการสร้างน้ำตกจำลอง
สร้างเสียงน้ำตกให้กระหึ่มสะใจคนสมัยใหม่
(เช่นที่ปราสาท Kassel
ในเยอรมนี).
และเราก็ไม่ลืมว่า ก่อนที่จะมีเครื่องซักผ้า
ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มา แหล่งน้ำและธารน้ำเป็นแหล่งพบปะของชุมชน
ที่ไปตักน้ำดื่มน้ำใช้ และไปซักผ้า เป็น“สภาข่าวสังคม”
ของชุมชนในชนทุกชาติทุกภาษา. ในอินเดีย ปากีสถาน อิหร่าน การซักล้างเสื้อผ้า ส่าหรี ผ้าปูโต๊ะปูเตียงรวมทั้งพรม
ยังคงทำกันริมฝั่งน้ำมาจนทุกวันนี้. ในจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ยังคงใช้ล้างผักผลไม้ในธารน้ำใสที่ไหลผ่านหมู่บ้านต่างๆในชนบท. ความตระหนักถึงการรักษาธารน้ำเหล่านี้ให้สะอาด
ด้วยการไม่ทิ้งขยะมูลฝอยลงในน้ำ เป็นความสำคัญยิ่งยวดของคนทั้งหมู่บ้าน.
จิตรกรรมตะวันตก
มีภาพเกี่ยวกับการซักล้างผ้าและเสื้อผ้าริมฝั่งน้ำเสมอ.
ในที่นี้ จะกล่าวถึงกลุ่มประติมากรรมน้ำพุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคเรอแนสซ็องส์อย่างย่อๆ.
ผู้สนใจติดตามชมคลิปวีดีโอที่นำลิงค์มาให้เป็นตัวอย่างจากยูทู้ป จะเห็นความมหัศจรรย์ของน้ำพุต่างๆได้ชัดเจน ดีกว่าคำบรรยาย.
๑) วิลลาเด๊สเตะ (Villa
d-Este, Tivoli, อิตาลี ศตวรรษที่ 16),
๒) พระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles,
France ศตวรรษที่ 17),
๓) พระราชอุทยาน Peterhof [พี้เทอฮูฟ]
(Saint Petersburg, Russia ศตวรรษที่ 18). พระราชวังอุทยานที่ Peterhof นั้น
ติดตามชมได้จากคลิปยูทู้ปเช่นที่นี่ (7:35 min) และพิเศษคลิปที่มีรายละเอียดมากกว่าเป็นภาษาฝรั่งเศสยาว
26:06 นาทีที่นี่.
น้ำพุเป็นองค์ประกอบสำคัญของสวนมาตั้งแต่ยุคจักรวรรดิโรมัน.
ยุคเรอแนสซ็องส์ในอิตาลีมีสถาปัตยกรรมน้ำพุที่สวยสมบูรณ์ หลากหลายทั้งรูปแบบและเนื้อหา.
วิศวกรรมชลประทานในอิตาลียุคนั้นก็เจริญพัฒนาขึ้นเหนือประเทศอื่นใดในยุโรป.
สวนใน Villa d’Este
[วิ้ลหละ เด๊สเตะ]
ที่อำเภอ Tivoli [ตี๊-วอหลิ]
ชานกรุงโรมในอิตาลี
เป็นพยานของความเจริญดังกล่าวที่ยังอยู่ในสภาพดีมาถึงทุกวันนี้
(สวนนี้เนรมิตขึ้นในต้นศตวรรษที่16).
สำหรับคนในยุคปัจจุบัน
สวนนี้ยังคงเป็นสถานที่ตรึงใจคนมากที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี โดยเฉพาะในเรื่องการสร้างสรรค์สระน้ำและระบบกลไกของน้ำพุทั้งหมดในสวน.
วิลลาTivoli ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2001 ในฐานะที่เป็นตัวอย่างที่สะท้อนวัฒนธรรมเรอแนสซ็องส์ที่เลอเลิศที่สุด ทั้งในด้านการออกแบบและในด้านความงามสุนทรีย์, เป็นสวนมหัศจรรย์แห่งแรกๆที่สร้างความตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด ที่ส่งอิทธิพลต่อพัฒนาการการออกแบบสวนต่อมาในยุโรป. สวนนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของความแบ่งบานของวัฒนธรรมเรอแนสซ็องส์. (cf.UNESCO World Heritage, 2001). ผู้สนใจรายละเอียดของน้ำพุ
ตามไปอ่านได้ในเน็ต เช่นในวิกิพีเดีย ก็จะได้สาระความรู้มากขึ้น. ชมคลิปตัวอย่างต่อไปนี้ (4 :44 นาที) ให้ภาพรวมเกี่ยวกับน้ำพุที่นั่น. และดูตัวอย่างน้ำพุขนาดใหญ่และน้ำพุเล็กสองสามแห่งในวิลลาเด๊สเตะ
ดังข้างล่างนี้
น้ำพุออแกน (Fontana dell’Organo หรือ Fountain of the Organ). อาคารที่อยู่เหนือขึ้นไปเป็น“ปราสาทน้ำ” (Castellum aqua ตรงดอกจันสีแดงที่เห็นเพดานครึ่งวงกลม)
มีที่ตั้งเครื่องดนตรีออแกนน้ำที่ใช้มือหมุนแบบไขลานสมัยก่อน
ปัจจุบันคงเปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติแล้ว.
น้ำมวลมหาศาลไหลสาดลงหน้าผาตามขั้นตามระดับสู่สระน้ำใหญ่ข้างล่าง. ท่อใต้พื้น นำน้ำไหลไปยังสระน้ำเลี้ยงปลาสามสระ (Peschiere) ที่ตั้งต่อไปตามแนวแกนตรงจากน้ำพุออแกนนี้ (ตรงดอกจันสีแดง). สระเลี้ยงปลานี้เคยเป็นแหล่งอาหารปลา
เป็ดและหงส์สำหรับคาร์ดินัลเจ้าของวิลลาเด๊สเตะ. ปัจจุบันไม่มีการเลี้ยงสัตว์เหล่านี้เพื่อเป็นอาหารแล้ว แต่การตั้งอยู่ของสามสระน้ำนี้เสริมทัศนมิติของน้ำพุออแกนให้ยิ่งใหญ่ตื่นตาตื่นใจสำหรับทุกผู้ทุกนามที่ได้ไปเห็น.
ภาพสเก็ตช์น้ำพุทรงรี(Fontana dell'Ovato หรือ The Oval Fountain) ที่ Villa d’Este (Rome,
Italy)
ที่สถาปนิกของวิลลาเด๊สเตะ Pirro Ligorio เป็นผู้ออกแบบ เขาต้องการให้กลุ่มสถาปัตยกรรมนี้ยิ่งใหญ่
ให้เป็นดั่งโรงละครน้ำโรงใหญ่. การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 1565 และแล้วเสร็จในปี 1570.
กลุ่มประติมากรรมตั้งแต่ระเบียงเหนือน้ำพุขึ้นไป
(ระเบียงนี้เคยเปิดให้คนเดินผ่านไปมาได้) เป็นเนินเขาจำลองภูมิประเทศของเมือง Tibur (ปัจจุบันคือเมือง
Tivoli) ที่สถิตของ Sibyl Tiburtine (Sibyl
หรือ prophetess
หญิงพยากรณ์). ในตำนานเล่าไว้ว่า จักรพรรดิ Caesar
Augustus ได้ถามความเห็นของแม่นางคนนี้ว่า
เขาจะเป็นผู้ที่ชาวประชาเคารพเทิดทูนดังเทพเจ้าหรือไม่. คำตอบของ sibyl (คนใดก็ตาม) มักกำกวมเสมอ ที่ทำให้ต้องมีพระนักบวชเป็นผู้แปลสารจาก sibyl อีกทอดหนึ่ง.
ในยุคโบราณ
กษัตริย์(หรือใคร) ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องไปขอความเห็นจากเหล่าสตรีพยากรณ์ก่อนเสมอ. Sibyl จึงปรากฏแทรกอยู่ในศิลปะแขนงต่างๆ. สระน้ำพุทรงรีนี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง.
บนเนินเขา
ตรงกลาง(1) มีรูปปั้นของ Sibyl Albunesa กับ Melicerte ลูกชาย (ผลงานของ Gillis van den Vliete,1568). ในถ้ำสองข้าง(2) มีรูปปั้นสัญลักษณ์แทนแม่น้ำ
Euculaneo และแม่น้ำ
Anio (ผลงานของ Giovanni Malanc, 1566). รูปปั้นทั้งสามบนเนินทำท่าเทน้ำลงสู่สระน้ำทรงรี. ชมคลิปวีดีโอนี้ที่เห็นน้ำพุแบบต่างๆที่วิลลาเด๊สเตะ
เสียงน้ำชวนให้รู้สึกสดชื่นชุ่มฉ่ำใจ จากยูทูป Star ChannelNews นำเสนอ ยาว 4.58 นาที.
(ภาพของ David Bjorgen, via
Wikimedia commons).
น้ำพุร้อยสาย Cento
Fontane เรียงกันเป็นแนวยาว
จัดเป็นสามระดับด้วยระบบน้ำแยกกัน เป็นสามระบบขนานกันไป. สายน้ำทั้งสามนี้แทนแควน้ำสามสายคือ Albuneo,
Aniene, Ercolaneo. ทั้งสามสายไหลไปรวมกันไปลงแม่น้ำ
Tevere (ชื่ออังกฤษว่า Tiber อยู่สุดทางน้ำพุร้อยสาย ไปรวมอยู่ที่ประติมากรรมน้ำพุกลุ่มใหม่ที่ชื่อว่า
Fontana Rometta แทนกรุงโรม ดูภาพต่อไปข้างล่างนี้). น้ำพุร้อยสายตรงนี้รวมสายน้ำพุกว่า 300 แห่ง ให้สังเกตว่าแถวบนนั้น น้ำพุพุ่งกระจายออกเป็นรูปพัด
ข้างรูปปั้นนกอินทรี (สัญลักษณ์หนึ่งของตระกูล Este เจาะจงไว้ด้วยว่าเป็นอินทรีสีขาว) ที่ประดับไปตลอดแนวเป็นระยะๆ. สถาปัตยกรรมน้ำพุกลุ่มนี้รวมกันสร้างเป็นทัศนมิติที่งามเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในวิลลาเด๊สเตะ. น้ำพุร้อยสายนี้สร้างขึ้นระหว่างปี 1566-1567.
บริเวณนี้ดังที่เห็นในปัจจุบันบูรณะขึ้นในปี
1930. ดั้งเดิมมีอะไรต่ออะไรประดับอีกมากแต่ทรุดโทรมลง
จึงถูกเปลี่ยนและปรับให้เป็นแบบที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งยังคงน่าประทับใจอยู่.
น้ำพุโรม (Fontana Rometta) เห็นรูปปั้นหมาป่าให้เด็กดูดนมสองคน
ตามตำนานการก่อตั้งกรุงโรม (cf. Romulus & Remus). เรือที่มีเสากระโดงเป็นแบบโอเบลิซก์ เป็นสัญลักษณ์ของ Tiburtina
ที่ตั้งของเมือง Tivoli ริมฝั่งแม่น้ำ Tivere.
เหนือขึ้นไปเป็นรูปปั้นสตรีมือถือทวนหรือหลาวแหลม
สัญลักษณ์ของชัยชนะของกรุงโรม.
น้ำพุ“ดิอานา เอเฟซินา”
(Fontana di Diana Efesina) สั้นๆคือน้ำพุไดแอนนา
ที่สร้างเลียนแบบรูปปั้นของไดแอนนาที่เรียกกันว่า Artemis
of Ephesus ชื่อดังกล่าวเพื่อเจาะจงให้รู้ว่าเป็นรูปปั้นที่ค้นพบที่เมืองกรีซโบราณชื่อ
Ephesus.
Artemis เป็นชื่อในภาษากรีก และไดแอนนาเป็นชื่อเรียกแบบโรมัน.
รูปปั้นที่น่าพิศวงนี้ เป็นศิลปะศตวรรษที่
1 AD. เมืองนั้นเคยเป็นที่ตั้งของวิหารเก่าที่สร้างอุทิศให้เทวีไดแอนนา.
ปัจจุบันเมืองนี้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศตุรกีและรูปปั้นนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่เมืองเนเปิล (Napoli, Museo archeologico
nazionale di Napoli). รูปลักษณ์แบบนี้ของไดแอนนา
นักประวัติศาสตร์ศิลป์วิเคราะห์กันไว้ว่า เป็นภาพสะท้อนของธรรมชาติ ของ
Mother Nature. เต้านมที่มีจำนวนมาก บ่งบอกความเอื้อเฟื้อ การให้น้ำนมหล่อเลี้ยงชีวิต.
รูปปั้นนี้ที่วิลลาเด๊สเตะ
เป็นผลงานสร้างเลียนแบบต้นฉบับดังกล่าว ของประติมากรชาวเฟลมมิชชื่อ Gillis
van den Vliete ที่เนรมิตขึ้นประดับสวนในปี
1568. ภาพที่เห็นมีหญ้าและตะไคร่น้ำขึ้นปิดลำตัวเกือบหมด
ภาพเต็มตัวจะคล้ายๆกับภาพจากพิพิธภัณฑ์ข้างล่างนี้ที่เป็นหินอ่อน.
ดูรายละเอียดจากรูปปั้นนี้ที่ครบสมบูรณ์กว่า. เป็นศิลปะในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 2 AD. รูปปั้นนี้ก็อยู่ที่พิพิธภัณฑ์เมืองเนเปิล. ภาพนี้ของ Ilya Shurygin (©2015) ในเว็ปไซต์ตามลิงค์นี้. ใบหน้า
มือและเท้าทำด้วยทองสัมฤทธิ์. นอกนั้นทำจากหินอลาบาสเตอร์ (alabaster). รูปปั้นยืนตรงแข็งทื่อ มือยื่นออกมาข้างหน้า เหนือหัวเป็นป้อมมีประตูโค้ง. สองข้างบนแผ่นดิสก์ที่ติดอยู่หลังหัว ใกล้ๆหู มีสิงโตติดปีกข้างละสี่ตัว. ตรงบริเวณต้นแขนลงไปถึงใต้ศอกก็มีอีกข้างละสามตัว.
แผงตรงหน้าอก มีสัญลักษณ์ของจักรราศีจำหลักนูนไว้ สัญลักษณ์สิงโต คนคู่ คันชั่งและคนขมังธนู.
พวงมาลัยพวงใหญ่ล้อมรอบขอบแผงหน้าอกไว้
มีผลของต้นโอ๊กห้อยลงเป็นตุ้มประดับเป็นระยะๆ. หน้าอกประกอบด้วยนมสี่แถวสัญลักษณ์ของการเจริญพันธุ์. ส่วนแถววัวที่มีเต็มเกือบทั้งลำตัวข้างหน้าจนถึงบริเวณหน้าแข้งนั้น
คิดกันว่า น่าจะสื่อถึงวัวที่ถูกฆ่าสังเวยเทวีไดแอนนาเป็นประจำ.
สองข้างลำตัวบนอาภรณ์เข้ารูปที่เทวีสวมทับชุดผ้าพลิ้วภายใน(ดังที่เห็นโผล่ออกกระจายเป็นรูปพัดเหนือเท้า)
ตั้งแต่ใต้รักแร้ลงไป ยังประดับด้วยสิงโต
วัวกระทิง ม้าติดปีก ข้างๆกันก็ยังมีสัตว์ครึ่งคนครึ่งนก สฟิงซ์ ผึ้งเป็นต้น.
นี่คือภาพลักษณ์ที่ไม่เหมือนเทพหรือเทวีองค์ใด
สัตว์เหล่านี้ล้วนเป็นสัญลักษณ์เจาะจงอิทธิฤทธิ์ของเทวี.
การเลือกแสดงภาพของเทวีในสวนจึงสื่อความหมายดีๆ
และยังมีประสิทธิภาพในเชิงสถาปัตยกรรมน้ำพุ
น้ำพุพุ่งออกจากหัวนมบนหน้าอกได้หลายสาย.
***
พระราชวังแวร์ซายส์เป็นพระราชฐานหลักของกษัตริย์ฝรั่งเศสตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่
14 จนถึงพระเจ้าหลุยส์ที่ 16. พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ย้ายศูนย์บัญชาการจากกรุงปารีสไปที่แวร์ซายส์. ตลอดสามรัชกาล มีการปรับปรุงตกแต่งประดับประดาติดต่อกันตลอดระยะเวลาหนึ่งศตวรรษครึ่ง. เป็นผลงานสถาปนิก ประติมากร นักตกแต่งและภูมิสถาปนิกหลายรุ่น. การบริหารจัดการและสร้างสรรค์พื้นที่ทั้งหมด เป็นผลงานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
ทั้งในแง่ความมเหาฬาร ความประณีตและความแปลกใหม่ เช่น ท้องพระโรงห้องกระจก - Galerie des Glaces เป็นผลงานยอดเยี่ยมของสไตล์ฝรั่งเศสคลาซสิก ที่ทำให้เกิดสำนวนในสถาปัตยกรรมว่า
“สไตล์พระเจ้าหลุยส์” (หรือสไตล์บาร็อคฝรั่งเศส). แบบสวนที่แวร์ซายส์ของ Le Nôtre จักเป็นที่ลอกเลียนไปทั่วยุโรป
เป็นตัวอย่างสวนแบบแผนฝรั่งเศสให้แก่พระราชอุทยานอื่นๆเช่น ที่ Hampton Court, Windsor ในอังกฤษ, Potsdam, Schleissheim, Karlsruhe, Würzburg, Kassel ในเยอรมนี; Caserta ในอิตาลี; la Granja ในสเปน; ต่อไปถึงพระราชวังในสวีเดน, เดนมาร์กและรัสเซียเป็นต้น. แต่ละราชสำนักอยากมี“แวร์ซายส์”กันบ้าง. พระราชวังแวร์ซายส์เป็นตัวอย่างของพระราชฐานที่วิเศษสุดสำหรับพระเจ้าแผ่นดินตั้งแต่นั้น. แทบจะพูดได้ว่า“ศิลปะแบบฝรั่งเศส”ในศตวรรษที่17นั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่รวมยุโรปเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์ในความสงบสันติที่สุด. พระราชวังแวร์ซายส์ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกตั้งแต่ปี
1979 (มีการปรับฐานข้อมูลเพิ่มเติมในทะเบียนอีกครั้งหนึ่งในปี
2007). ดูคลิปยูเนสโก้ตัวอย่างต่อไปนี้
ยาว 2:26 นาที.
พระราชอุทยานแวร์ซายส์มีสระน้ำพุขนาดใหญ่หลายแบบหลายลักษณะ และถ้ารวมสถาปัตยกรรมทุกแบบที่เกี่ยวกับน้ำแล้ว มีจำนวนรวมกันถึง 1400 แห่ง เฉพาะลำคลองรูปไม้กางเขนก็ครอบพื้นที่ถึง
23 เฮกตาร์ (หรือประมาณ 230,000 ตารางเมตร). ในยุคก่อนที่จะมีเครื่องปั่นน้ำหรือมอเตอร์ดูดน้ำจากใต้ดินมาใช้ น้ำที่นำมาใช้ในสวนหรือในอุทยานนั้นต้องมาจากแหล่งเก็บน้ำที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สูงกว่าสวนเพื่อทำให้เกิดแรงไหลและแรงดันอย่างเพียงพอ. หากไม่มีก็ต้องมีแม่น้ำอยู่ใกล้ๆแล้วสร้างเครื่องปั่นเครื่องผันน้ำ(รวมทั้งเบนกระแสน้ำไหล) ส่งไปยังสวนและอุทยาน. กรณีของพระราชอุทยานแวร์ซายส์ เป็นที่รู้จักกันดี. รายละเอียดข้อมูลได้ที่นี่.
ภาพเครื่องปั่นน้ำของมาร์ลี (Machine de Marly, 1723) บนฝั่งแม่น้ำแซน (Seine) ของ Pierre-Denis Martin ([Public domain], via Wikimedia Commons). สร้างขึ้นบนฝั่งเนินเขาที่เมือง
Louveciennes เพื่อผันน้ำจากแม่น้ำ (เห็นแนวสะพานน้ำ
ตรงดอกจันสีขาว) ขึ้นไปถึงบริเวณพระราชวังแวร์ซายส์. ในที่สุด เฉพาะภายในอาณาบริเวณพระราชอุทยานแวร์ซายส์
มีเครือข่ายท่อส่งน้ำรวมกันยาว 30 กิโลเมตร. ดูคลิปวีดีโอการแสดงน้ำโชว์พร้อมดนตรีแบบฝรั่งเศสได้ที่นี่ Les Grands Eaux Musicales à Versailles (14:32 นาที)
ดูตัวอย่างประติมากรรมน้ำพุแห่งหนึ่งในพระราชอุทยานแวร์ซายส์
ข้างล่างนี้
มุมนี้ของสวนชื่อว่า Bosquet
des bains d’Apollon. สร้างถ้ำจำลองกลางหุบเขาเขียว
ที่มีน้ำตกหลายแห่งและมีหนองน้ำใหญ่ ประกอบฉากอาบน้ำล้างตัวของเทพอพอลโล.
แบ่งกลุ่มประติมากรรมที่ประดับสวนหย่อมนี้เป็นสามกลุ่ม
กลุ่มตรงกลางประกอบด้วยรูปปั้นหินอ่อนเจ็ดรูป อพอลโลท่ามกลางนางไม้ห้านางผู้มาช่วยอาบน้ำ
ทาน้ำมัน นวดตัว เช็ดตัวให้เทพอพอลโล และนางไม้อีกนางหนึ่งที่คอยดูแลความเรียบร้อย. เป็นผลงานของประติมากรชาวฝรั่งเศสสองคนชื่อ Girardon
และ Regnaudin
ที่แสดงแนวโน้มสู่ประติมากรรมยุคใหม่ ตามแรงบันดาลใจที่อิสระ. เป็นประติมากรรมหินอ่อนกลุ่มแรกและในที่สุดเป็นกลุ่มที่โดดเด่นที่สุดในแวร์ซายส์
ทำแล้วเสร็จในปี 1675. ประติมากรรมอีกสองกลุ่มประดับสองข้าง เสนอภาพของ Chevaux
du Soleil หรือม้าแห่งสุริยเทพ. Tritons กำลังดูแล เช็ดล้างม้า.
ผลงานของ Gilles
Guérin และของสองพี่น้อง Gaspard & Balthazar Marsy.
อพอลโล ในเทพปกรณัมกรีก
เป็นสุริยเทพ เทพแห่งดนตรี เทพแห่งสัจจะ เทพผู้พยากรณ์ฯลฯ
เป็นเทพเจ้าองค์สำคัญที่สุดองค์หนึ่ง โดยเฉพาะพระเจ้าหลุยส์ที่14
เทียบพระองค์เป็นสุริยเทพ. ในพระราชวังและในพระราชอุทยานแวร์ซายส์ มีองค์ประกอบประดับสวน ที่ล้วนเกี่ยวโยงไปถึงดวงอาทิตย์
เป็นจำนวนมาก รวมถึงลวดลายดอกทานตะวันที่เป็นแบบประดับแจกันเป็นต้น. พระเจ้าหลุยส์เปรียบว่าแวร์ซายส์ที่ประทับนั้นเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ
ที่ส่องประกายฉายแสงสว่างออกไปสู่โลก.
สระน้ำ Bassin
de l’Encelade เป็นสระน้ำทรงกลม
ตรงกลางมีรูปปั้นของ Encelade [อ็องเซอล้าด] หัวหน้ายักษ์ ผู้นำการปฏิวัติต่อต้านทวยเทพในตำนานกรีก ถูกเทวีอาเธนา
เหวี่ยงลงใต้พื้นและฝังอยู่ใต้ภูเขาไฟเอ็ตนา (Etna, Italy) นานๆทีเมื่อภูเขาไฟคุกกรุ่น พ่นไฟออกมา ก็รู้กันว่าคือเสียงทอดถอนใจของ
ยักษ์อ็องเซอล้าด และเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ก็เพราะยักษ์อ็องเซอล้าดพลิกตัว.
รูปปั้นของอ็องเซอล้าดเป็นผลงานของสองพี่น้อง Gaspard
& Balthazar Marsy. เป็นรูปปั้นทองสัมฤทธิ์(บ้างว่าเป็นตะกั่ว) ชุบทอง กำลังอ้าปากกว้าง
ที่ใช้เป็นปากท่อน้ำพุที่มีกระแสน้ำพุ่งออกแรงมาก เป็นลำน้ำสูงขึ้นไปราว 25.75
เมตร. สระน้ำอ็องเซอล้าดนี้ เหมือนจะเตือนให้รู้กันว่า อย่าได้เหิมคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้าหลุยส์องค์สุริยเทพเลย.
***
๓) พระราชอุทยาน Peterhof [พี้เทอฮูฟ]
(Saint Petersburg, Russia ศตวรรษที่ 18). พระราชวังและพระราชอุทยาน Peterhof เป็นส่วนหนึ่งของ < Historic Centre of Saint
Petersburg and Related Groups of Monuments> ดังเจาะจงไว้ในทะเบียนมรดกโลกปี 1991 และอีกครั้งในปี 2013 ในฐานะมรดกทางสถาปัตยกรรมที่ดีเด่น
ผนึกศิลปะบาร็อคและนีโอคลาซสิก กับสถาปัตยกรรมแบบแผนแนวรัสเซียไบแซนไทน
ได้อย่างลงตัวและสง่างาม. พระราชอุทยานที่
Peterhof
สร้างขึ้นตามพระประสงค์ของซาร์
Peter
the Great (ครองจักรวรรดิรัสเซียระหว่างปี1682-1725). คนชอบเปรียบว่า นั่นคือแวร์ซายส์ของรัสเซีย. ติดตามชมได้จากคลิปยูทู้ปเช่นที่นี่
ยาว7:35 นาที. และพิเศษคลิปที่มีรายละเอียดมากกว่าเป็นภาษาฝรั่งเศสยาว
26:06
นาทีที่นี่.
ภาพถ่ายมุมสูงอาคารใหญ่พระราชวัง
Peterhof Palace และอุทยาน เมือง Saint Petersburg ประเทศรัสเซีย. เจ้าของภาพถ่าย Godot13, 14 July 2016. เจาะจงข้อมูลภาพว่า Andrew Shiva / Wikipedia /
CC BY-SA 4.0
กลุ่มสถาปัตยกรรมน้ำตกใหญ่และน้ำพุของพระราชวัง
Peterhof. น้ำตกใหญ่นี้สร้างเลียนแบบปราสาทพระเจ้าหลุยส์ที่
14 ชื่อ Château de
Marly (วังนี้มีมาก่อนการสร้างขยายและพัฒนาพระราชวังแวร์ซายส์). ภาพจากบนระเบียงหน้าพระตำหนักที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์อันดับหนึ่งของโลก
รู้จักกันในนามว่า The State Hermitage Museum. ภาพนี้ของ Alex 'Florstein' Fedorov, 2 August 2012. [CC BY-SA
4.0 from Wikimedia Commons],
สระน้ำพุเฮอร์คิวลิสกับสิงโต. ภาพของ Mikhail Kozlovsky เจาะจงข้อมูลภาพว่า Nsushkin at English Wikipedia. CC BY-SA 2.5
via Wikimedia Commons. พระเจ้าหลุยส์ทรงใช้เทพอพอลโลเป็นสัญลักษณ์แทนพระองค์
ส่วนซาร์ปีเตอร์มหาราชนั้น ทรงใช้เฮอร์คิวลิซเทพแห่งพละกำลังเป็นสัญลักษณ์
ดังปรากฏรูปปั้นในท่าต่างๆของเฮอร์คิวลิส เป็นจำนวนมากในพระราชอุทยานนี้.
ภาพถ่ายจากระเบียงชั้นบน(ชั้นเดียวกับทางเข้าชมพระราชวังและพิพิธภัณฑ์)
จากสระน้ำพุเฮอร์คิวลิสตรงไปตามคลองออกสู่ทะเล (Morskoi Kanal). การขุดคลองนี้ทำให้คนนั่งเรือไปพระราชวัง Peterhof ได้ เรือเข้าเทียบท่าตรงหน้าลำคลองสายยาวนี้
แล้วเดินขึ้นสู่อุทยานและพระราชวัง.
เครดิตภาพของ Arinee Methasate, May 2018.
เครดิตภาพของ Arinee Methasate, May 2018.
***
มาดูตัวอย่างประติมากรรมน้ำพุขนาดใหญ่เล็กอื่นๆจากสวนต่างๆ ที่ประทับใจก็มีมาก ดังตัวอย่างข้างล่างนี้
น้ำพุเตรวี (Fontana di
Trevi [ฟนต๊านะ ดิ เตรวี]) กลางกรุงโรม. ประกอบด้วยกลุ่มประติมากรรมบาร็อค
เสนอภาพของเทพเจ้าแห่งมวลน้ำทั้งปวง (Oceanus) นั่นคือรูปปั้นที่ยืนตระหง่านตรงแอ่งกลางของกำแพงอาคาร. อาคารที่เป็นฉากหลังของประติมากรรมทั้งชุดนี้คือ Palazzo Poli เห็นบนยอดหลังคา ตราสัญลักษณ์ของสันตะปาปาเช่นหมวก ขนาบด้วยเทวทูตสองข้าง. ประติมากรรมน้ำพุกลุ่มนี้สูง 26.3 เมตร กว้าง 49.15 เมตร. เป็นน้ำพุแบบบาร็อคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรมและมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก. สร้างแล้วเสร็จในปี 1762. การบูรณะปรับปรุงเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งติดระบบหลอดไฟสำหรับยามราตรี(2015). ภาพยนต์และเพลง Three coins in the fountain ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปที่นั่น พากันยืนหันหลังโยนเหรียญลงในน้ำพุนั้น. เจ้าของภาพระบุว่า "Photo by DAVID ILIFF.
License: CC-BY-SA 3.0" via Wikimedia
Commons.
สระน้ำพุทรงกลมขนาดใหญ่ที่
Castle Howard (Yorkshire, UK) ตรงกลางสระน้ำเป็นกลุ่มประติมากรรมแอ็ตลาซแบกโลก (เป็นการสรุปแบบรวบรัด
ปกติ ลูกกลมที่แบกนั้น มีรายละเอียดของกลุ่มดาวในจักรราศี. โลกลูกนั้นจึงแทนทั้งท้องฟ้าและแผ่นดิน). ตามตำนานกรีกที่เล่าถึงการแย่งชิงอำนาจระหว่างทวยเทพ (War of the Titans หรือ Titanomachy) เพื่อตัดสินว่าเทพเหล่าใดควรจะปกครองจักรวาล.
เทพเจ้ารุ่นแรกคือเหล่า Titans [ไท้เถิ่นสฺ] ต่อกรกับเทพเจ้าที่สถิตบนเขาโอลิมปัส. เทพเจ้าฝ่ายโอลิมปัสเป็นฝ่ายชนะ
เป็นเทพเจ้ารุ่นที่สองครองจักรวาลต่อมา (มี Zeus เป็นเทพบดี). หลังสงคราม แอ็ตลาซถูกลงโทษให้แบกท้องฟ้าและแผ่นดินไว้บนบ่าไปชั่วกัลปาวสาน.
พิจารณาจากตำนานแล้ว
ไม่ใช่เนื้อหาแง่บวก. ในมุมมองพุทธ น่าจะเป็นภาพสะท้อนของคนที่แบกความทุกข์
แบกกิเลสตัณหาไว้ไม่ยอมปล่อย. ตัดประเด็นนี้ออกไป ภาพแอ็ตลาซแบกโลกเป็นเนื้อหายอดนิยมในศิลปะ
ให้ศิลปินแสดงฝีมือในการนำเสนอภาพกล้ามเนื้อและร่างกายที่เกร็ง รวมทั้งสีหน้าแววตาของแอ็ตลาซที่ต้องรับน้ำหนักของโลกทั้งใบ.
ประติมากรรมแอ็ตลาซแบกโลกที่ขึ้นชื่อว่างามที่สุดคือประติมากรรมหินอ่อนจำหลักของโรมันยุคศตวรรษที่2 ในกลุ่มศิลปวัตถุสะสม Farnese
Collection. รูปปั้นนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเมืองเนเปิล
(ไปยืนชื่นชมรอบด้าน หินอ่อนเหมือนเนื้อหนังมังสาที่มีชีวิต เหมือนมีความอุ่นของเลือดเนื้อ ต้องคารวะศิลปิน) ดังภาพที่นำมาให้ดูข้างล่างนี้
ภาพของ
Lalupa CC BY-SA 4.0, from Wikimedia Commons. สระน้ำรูปกลมรี พร้อมกลุ่มประติมากรรมน้ำพุ
ที่มีม้ากายสิทธิ์ Pegasus [พี้กาซุส] เป็นศูนย์กลาง ที่วิลลาลานเตะ (Villa
Lante, Bagnaia, Italy).
Pegasus เป็นสัตว์ในเทพตำนานกรีกที่มีชื่อเสียงที่สุด
เป็นม้าตัวผู้มีปีก ลูกของโพไซดอนเทพเจ้าแห่งท้องทะเล (Poseidon). เทพบดี Zeus ส่งให้ไปนำสายฟ้า(ฟ้าแล็บ
ฟ้าผ่า) มาจากบนเขาโอลิมปัส. ม้ากายสิทธิ์นี้เป็นผู้ช่วยสำคัญของวีรบุรุษกรีกหลายคนที่มีหน้าที่ตามฆ่ายักษ์ทั้งหลายที่อาละวาด
เช่นช่วยให้ Perseus ฆ่านางยักษ์เมดูซาได้สำเร็จ. ตำนานยังเล่าว่า ทุกครั้งที่กีบเท้าของม้ากายสิทธิ์ตัวนี้แตะพื้น
จะมีกระแสน้ำพุพุ่งออกจากตรงนั้น เช่นนี้จึงเป็นแบบให้สร้างรูปม้าติดปีกท่าโผบินเป็นประติมากรรมน้ำพุ
ที่นิยมแพร่หลายมากในยุโรป. ค่านิยมเกี่ยวกับม้า Pegasus
ได้นำนัยสัญลักษณ์อื่นๆเพิ่มให้ม้ากายสิทธิ์ตัวนี้ เช่นในยุคกลางถึงยุคเรอแนสซ็องส์
หมายถึงความฉลาดและชื่อเสียง. ในศตวรรษที่ 19 โยงไปถึงศิลปะแขนงต่างๆ เพราะ Pegasus สนิทชิดชอบกับเหล่านางฟ้า (Muses) ผู้ดลบันดาลในสร้างสรรค์ศิลปะแขนงต่างๆ. น้ำพุที่พุ่งออกจากพื้นใต้กีบเท้าม้าตัวนี้ จึงมีฤทธิ์ดลใจให้สร้างสรรค์.
ดูตัวอย่างน้ำพุม้ากายสิทธิ์จากสวนอื่นๆต่อไปข้างล่างนี้.
สระน้ำพุพร้อมม้า
Pegasus ในสวน Mirabell
[มิราเบล](เมือง Salzburg ประเทศออสเตรีย). ม้าผงาดตัวขึ้นจะโผบิน. สังเกตเส้นแกนหลักของสวน มิราเบล ที่ทอดไปยังรูปปั้นม้ากายสิทธิ์
ตรงต่อไปกลางเมือง ผ่านมหาวิหารของเมือง และขึ้นไปถึงปราสาทของเมืองบนยอดเขา. เป็นทัศนมิติที่ยิ่งใหญ่สวยงาม.
กลุ่มประติมากรรมขนาดใหญ่เนรมิตเหมือนเนินเขาสามเหลี่ยม
มีม้า Pegasus โดดเด่นบนยอดเนิน. เป็นส่วนหนึ่งของสวนบน“เกาะงาม” Isola Bella [อิโซ้ล้า เบลหละ] (หนึ่งในหมู่เกาะ Isole Borromee นอกฝั่งเมือง Stresa, Lago Maggiore, Italy). ม้ากายสิทธิ์ที่เกาะนั้น
มีเขาแหลมพุ่งออกจากหน้าผากด้วย ในแบบของยูนิคอร์น
(unicorn) ยิ่งเน้นนัยของมนต์ขลังและปาฏิหาริย์. ภาพรวมของกลุ่มสถาปัตยกรรมที่ประณีตนี้ ทำให้นึกถึงตอนที่ม้ากายสิทธิ์บินไปนำสายฟ้าจากเขาโอลิมปัสมาถวายเทพบดี
Zeus. เดินขึ้นไปด้านหลังเป็นลานกว้างให้ชื่นชมภูมิประเทศชายฝั่งทะเลของทะเลสาบใหญ่
(Lago Maggiore).
สระน้ำใหญ่ที่อุทยานปราสาท
Veitshöchheim Schloss (ศตวรรษที่17-18), ชานเมือง Würzburg (Germany) มีกลุ่มประติมากรรมม้ากายสิทธิ์ด้วย. เมื่อพิจารณาดู ศิลปินเยอรมันเลือกเสนอนัยสัญลักษณ์ด้านศิลปะแขนงต่างๆ
เช่นวรรณกรรม ดนตรี (ตรงฐานใต้ตัวม้ากายสิทธิ์ มีนักดนตรีสองคนด้านขวา ส่วนด้านซ้ายมีคนยืนกำกับให้สตรีที่กำลังนั่งจดอยู่ อาจเป็นบทกวี บทละคร). อีกด้านหนึ่งเป็นรูปปั้นนักดนตรีดีดสีตีเป่า. สอดคล้องกับค่านิยมว่า
น้ำพุที่พุ่งออกจากพื้นใต้กีบเท้าม้ากายสิทธิ์ มีสรรพคุณสูงในการดลบันดาลใจศิลปิน.
กลุ่มประติมากรรมน้ำพุนี้
แม้จะเป็นเพียงสายน้ำสายเดียวที่ไหลลง
แต่การจัดสรรพื้นที่เพื่อให้ได้มุมมองดังภาพที่เอามาให้ชมนี้ น่าทึ่งไม่น้อย. ถ่ายจากที่ไกลๆ
ยังมีทัศนมิติที่ต่อเนื่องเป็นแนวแกนแนวหนึ่งของอุทยานที่ปราสาท Schwetzingen
(Baden-Württemberg, Germany). ปราสาทนี้มีแล้วตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 14 แต่ถูกทำลายไปในระหว่างสงครามสามสิบปี (1618-1648) ตามด้วยสงครามอีกเก้าปีระหว่างฝรั่งเศส (พระเจ้าหลุยส์ที่ 14) กับออสเตรียและพันธมิตรของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
(1688-1697). การบูรณะปราสาทเริ่มขึ้นในปลายศตวรรษที่17 อย่างจริงจังจนกลายเป็นแบบที่เห็นในปัจจุบัน
เป็นพระราชวังฤดูร้อนในศตวรรษที่18. โดยรวม เป็นสถาปัตยกรรมบาร็อค มีองค์ประกอบสไตล์ร็อคโกโกประดับด้วยเป็นจำนวนมาก.
รูปปั้นสฟิงซ์ประดับตามมุมต่างๆในสวน. จากมุมมองนี้ รูปปั้นหันไปสู่วิหารโดม (Apollotempel) บนเนินสูง ที่มีรูปปั้นเทพอพอลโลถือพิณในมือ (ในฐานะเทพเจ้าแห่งดนตรี).
ใต้โดมลงมา เหนือบันไดมีนางไม้สองนางเทน้ำลงจากคนโท สื่อสายน้ำ Leimbach ที่ไหลผ่านกลางเมืองออกไปสู่แม่น้ำไรน. การตัดพุ่มไม้สองข้างที่ดูเหมือนหลืบม่านบนเวที ทำให้ภาพรวมที่ถ่ายมานี้
เหมือนโรงละคร มีเทพอพอลโลกำลังดีดพิณ.
อีกมุมหนึ่งในบริเวณอุทยานปราสาท
Schwetzingen เดียวกันนี้. ประติมากรรมกวางเรนเดียร์ (reindeer) ประดับสองข้างบึง กวางเป็นที่ซ่อนปากท่อน้ำพุ. รอบข้างของกวางมีสุนัขล่าเนื้อป้วนเปี้ยนอยู่
บางตัวทำท่ากัดด้วย.
สัตว์ที่นำมาประดับสวน
ส่วนใหญ่อยู่ในหัวข้อ“การล่าสัตว์” ที่เป็นงานอดิเรกของชนชั้นสูง จนเป็นศิลปวิทยาของชายชาตรียุคก่อน. ตั้งแต่พระราชวังแวร์ซายส์แล้ว ประติมากรรมสัตว์ถูกล่า
เป็นหนึ่งในรายการสร้างสรรค์รูปปั้นประดับสวน และก็เป็นเนื้อหาประดับห้องพักสำหรับก่อนหรือหลังล่าสัตว์ด้วย ที่เป็นทั้งภาพจิตรกรรม
ภาพเฟรสโก้ เป็นงานปูนปั้น (stucco) ประดับบนกำแพงหรือเพดานห้องเป็นต้น. หลายสวนสร้างอาคารล่าสัตว์ไว้เลย มักไกลออกไปในป่าหรือหุบเขา. ราชสำนักเยอรมันโดยเฉพาะชอบให้มีอาคารล่าสัตว์. การล่าสัตว์เคยเป็นกิจกรรมสำคัญที่สุดของเชื้อพระวงศ์อังกฤษ
ถึงกับสร้างสวนป่าสำหรับเลี้ยงสัตว์เพื่อให้เจ้านายทั้งหลายได้ฝึกและพัฒนาฝีมือโดยเฉพาะ. Royal parks ในอังกฤษ หลายแห่งเคยเป็นสวนป่าล่าสัตว์มาก่อนเช่นไฮด์พาร์ค (Hyde Park). พระราชวังแวร์ซายส์เริ่มจากอาคารดั้งเดิมอาคารเก่า ที่เป็นเรือนพักล่าสัตว์ของพระเจ้าหลุยส์ที่
13 (pavillon de chasse สร้างขึ้นในปี 1623) และตั้งแต่ปี 1661 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงให้สร้างต่อเติมจนเป็นพระราชวังขนาดใหญ่และเป็นแบบพระราชฐานสำหรับราชสำนักอื่นๆในยุโรป. (ดูที่คำ hunting lodge).
อีกมุมหนึ่งในพระราชอุทยาน Schwetzingen มี“ชุมนุมน้ำพุนก” หน้าอาคารสรงน้ำ (Badehaus). สถาปัตยกรรมส่วนนี้สร้างขึ้นในระหว่างปี 1768-1775. อาคารสรงน้ำนั้น นอกจากห้องอาบน้ำแช่น้ำที่มีอ่างน้ำหินทรงรีฝังลึกลงบนพื้น
เป็นห้องอาบน้ำส่วนตัว ยังมีห้องอ่านหนังสือ ห้องพักผ่อน ห้องรับแขกส่วนตัว รวมกันเป็นตำหนักพักผ่อนส่วนพระองค์ของ
Elector Carl Theosor ผู้สนใจวรรณกรรมและดนตรี. ไกลออกไปตรงกลางภาพ เห็นภูมิทัศน์ที่ทำให้คิดว่า ยังมีพื้นที่สวนไกลออกไปจากตรงนั้น. ไม่มีหรอก นั่นเป็นภาพจิตรกรรม นำไปตั้งตรงนั้น ตามกรรมวิธีของการสร้างภาพลวงตา (ดูที่คำ trompe l’oeil).
ภาพ “ชุมนุมน้ำพุนก” จากป้ายข้อมูลที่ติดไว้ที่นั่น.
กลางสระน้ำทรงกลม
มีนกฮูกหนึ่งตัวที่กระจายสายน้ำพุลงในสระ. เหนือขึ้นไปบนโครงเหล็กที่ล้อมรอบสระน้ำ
มีสัตว์ปีกอีกหลายตัวหลายชนิด ที่ต่างก็เป็นปากน้ำพุ พ่นสายน้ำพุ่งลงสู่กลางสระ. เสียงน้ำพุดังทีเดียว กลบเสียงแหลมจุ๊บจิ๊บของนกที่ได้ยินแทรกขึ้นมา.
พระราชอุทยานนี้มีอะไรที่คิดไม่ถึงหลายอย่าง
รวมทั้งกลุ่มสถาปัตยกรรมสุเหร่าขนาดใหญ่ในบริเวณที่จัดให้เป็นสวนตุรกี (Türkischer Garten) เหมือนเดินเข้าไปในแดนพันหนึ่งทิวาเลย. (ดูที่คำ Turkish Garden)
สระน้ำพุใหญ่ตรงหน้าวิหารหรือตำหนักพระอาทิตย์
(Sonnentempel) บนยอดหลังคา มีประติมากรรม
สุริยเทพทรงรถม้า. เป็นอาคารสไตล์ร็อคโกโกในพระราชอุทยาน
Eremitage เมือง Bayreuth (บางทีก็เรียกตำหนักนี้ว่า“พระราชวังใหม่” Neues Schloss). เคยใช้เป็นที่อภิบาลพืชพรรณ (orangery) และกลายเป็นภัตตาคารในปัจจุบัน. ยังใช้เป็นที่จัดการแสดงคอนเสริต หรืองานเฉลิมฉลองต่างๆ รวมทั้งให้เช่าจัดงานมงคลสมรส. ในฤดูร้อน จัดมุมบริการอาหารและเครื่องดื่มบนลานด้านซ้ายข้างนอกอาคารด้วย(ในภาพ). ชมคลิปวีดีโออุทยาน Eremitage ยาว 5:31 นาที. พระราชอุทยาน Eremitage มีอาคารอื่นๆที่สร้างขึ้นภายในบริเวณทั้งหมด
ระหว่างปี 1743-1753 เป็นสถาปัตยกรรมและศิลปะบาร็อคเยอรมัน รวมกันเป็นพยานแห่งยุคสมัยที่โดดเด่นและเป็นแบบอย่างของการสร้างสรรค์สวนต่อมาในเยอรมนี.
ถ้ำ“น้ำพุมงกุฎ”
ภายในพระตำหนักเก่า (Alte Schloss, Eremtage, Bayreuth) สายน้ำพุสายเดียวมีความแรงมาก
ที่นำมงกุฏขึ้นสูงไปจนจรดเพดานถ้ำ. ใต้พื้นห้องมีท่อน้ำพุสายเล็กๆซ่อนอยู่
ที่อาจพุ่งออกมาทำให้คนดูได้กรี๊ดกัน.
ตำหนักเก่าสร้างขึ้นในปี 1715 และตั้งแต่ปี 1735 เจ้าผู้ครอง Margrave Frederich ได้ให้ขยายและต่อเติมพระตำหนักนี้และมอบเป็นของขวัญแด่พระมเหสี
Wilhelmine. ในตำหนักเก่า นอกจากถ้ำน้ำพุมงกุฎนี้ ภายในยังมีห้องดนตรี ห้องญี่ปุ่น
ห้องกระจกพร้อมจิตรกรรมจีนเป็นต้น.
น้ำพุเล็กๆประดับมุมหนึ่งในบริเวณสวนกุหลาบ
ตรงหน้าอาคาร Orangerie บนเกาะบุปผาชาติ Mainau (นอกฝั่งเมือง Konstanz เยอรมนี) กลางพื้นที่ครึ่งวงกลม (exedra) พร้อมที่นั่งติดกำแพงต้นไม้
มีรูปปั้นเทวดาถือมงกุฎดอกไม้ในมือ ในท่าพร้อมจะมอบให้แก่ผู้สมควรจะได้รับ.
สระน้ำพุเล็กๆตรงฐานรูปปั้นเทวดา มีรูปปั้นสาวน้อยนอนเท้าแขนอยู่ริมสระ เพิ่มนัยความผ่อนคลายเข้าไปในบริเวณนั้นทันที. ผลงานของ Ilse Glasser-Michaelis.
น้ำพุเล็กบนเนินสูงที่ตั้งเขตเมืองเก่าของ Berchtesgaden มีมุมสวนหน้าพิพิธภัณฑ์อุทยานแห่งชาติ (Nationalpark Berchtesgaden) รูปปั้นนกอินทรีเหนือบ่อน้ำตัวเดียว ในภูมิประเทศดังที่เห็นในภาพ
บอกวิสัยทัศน์ของผู้สร้างและอุดมการณ์ของชุมชน. งานศิลป์เพียงชิ้นเดียวเปลี่ยนบ่อน้ำธรรมดาๆให้เป็นสิ่งบันดาลใจได้.
จากเนินสูงนี้ มองเห็นเทือกเขาแอลป์ที่ทอดตัวในแคว้นบาวาเรียเยอรมนี. ยอดหนึ่งที่โดดเด่นคือ ยอดเขา Watzman [วัดสฺมัน] ประกอบด้วยสามยอด
เรียกในภาษาท้องถิ่นว่า“ภูเขาพ่อแม่ลูก”. ยอดกลางสูงสุดเป็น“ยอดพ่อ” สูง 2,713 เมตร.
เป็นภูเขาที่อยู่ในเขตประเทศเยอรมนีเท่านั้น
(มิได้ทอดยาวเข้าไปในเขตแดนประเทศข้างเคียง). เป็นยอดเขาสูงอันดับสามในเยอรมนี (คนที่นั่นบอกว่าสูงเป็นที่สอง วิธีการนับต่างกัน ระดับความภูมิใจก็ต่างกัน). ชมคลิปวีดีโอนี้ยาว 3:40 นาที
แล้วลงไประดับพื้นเที่ยวทะเสสาบ Königssee (ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบน้ำใสแจ๋วที่สุดในเยอรมนี).
ภาพยอดเขา Watzman จากเขตเมืองเก่าบนเนินสูง Berchtesgaden
ส่วนหนึ่งของ“ทะเลสาบพระราชา”
Königssee มุมยอดนิยมของช่างภาพ
น้ำพุไดแอนนา
ภายในพระราชอุทยาน Fontainebleau ประเทศฝรั่งเศส. รูปปั้นไดแอนนาในฝรั่งเศสส่วนใหญ่เป็นแบบนี้
คือเน้นการเป็นนักล่าสัตว์ถือคันธนู ลูกธนู และหรือมีกระบอกใส่ธนู. ใต้รูปปั้นมีรูปปั้นสุนัขผู้ติดตามเทวี(มีหนึ่งตัวหรือหลายตัว). ในภาพนี้ มือข้างหนึ่งของไดแอนนาจับเขากิ่งหนึ่งของกวาง. รวมกันเล่าเหตุการณ์ในตำนานกรีกโรมันเมื่อนายพราน Acteon ได้หลงเข้าไปเห็นไดแอนนาและเหล่านางไม้อาบน้ำเล่นน้ำในป่า. ถูกจับได้ เทวีโกรธจัด แปลงร่างของ Acteon ให้เป็นกวางในบัดดลนั้น.
กลุ่มประติมากรรมเนื้อหาไดแอนนากับ Acteon
ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อยู่ที่พระราชอุทยาน Caserta ตอนใต้ของประเทศอิตาลี (ได้สมญานามว่า
เป็นแวร์ซายส์ของอิตาลี). ประติมากรรมกลุ่มขวาเล่าเหตุการณ์ที่พรานหนุ่ม Acteon
ไปแอบดูเทวีไดแอนนาอาบน้ำเล่นน้ำ
ถูกจับได้ และถูกไดแอนนาสาปให้เป็นกวาง. ประติมากรรมกลุ่มซ้าย กวาง Acteon พยายามหนีฝูงสุนัขล่าเนื้อของเขาเองที่พอเห็นกวางก็รุมกันเข้ากัดทำร้าย
ในที่สุดกวาง Acteon ตายด้วยสุนัขล่าเนื้อของเขาเอง. ผู้แต่งตำนาน
ฉลาดหลีกเลี่ยงไม่ให้ไดแอนนาเป็นผู้ฆ่าคนที่หยามน้ำหน้าเธอได้อย่างสมเหตุสมผล.
ภูเขา Montebriano และน้ำตกจากยอดเขาลงมา
เป็นฉากหลังที่วิเศษสุดของกลุ่มประติมากรรมเรื่องนี้. ฝีมือประติมากรรมก็โดดเด่น ตรึงนาทีระทึกใจของเทพตำนานเรื่องนี้ไว้ไปชั่วกาลนาน
ชวนให้ครุ่นคิดถึงธรรมชาติดิบหรือสัญชาตญาณของคนในบริบทของธรรมชาติที่กว้างใหญ่ไพศาลที่ครอบคลุมสรรพชีวิตอยู่. ธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต(ธรรมชาติดิบในตัวคนเป็นต้น)
ต่างสะท้อนกันและกันได้อย่างดียิ่ง. ประติมากรรมกลุ่มนี้เป็นผลงานของ Paolo Persico, Tommaso
Solari และ Angelo
Brunelli.
ประติมากรรมน้ำพุ terracotta ขนาดใหญ่ ทำด้วยอิฐดินเผาสีน้ำตาลแดงๆ เสริมด้วยโครงเหล็ก ตั้งชื่อไว้ว่า Doulton Fountain ประดิษฐานอยู่ตรงหน้า People’s Palace and Winter Garden ที่เมือง Glasgow สก็อตแลนด์. ผลงานการออกแบบของ Arthur Edward Pearce ปี 1888 เพื่อเป็นอนุสรณ์เฉลิมฉลองการครองราชย์ครบห้าสิบปี(1887)ในพระราชินีวิคตอเรีย. พระบรมรูปของพระราชินี ตั้งอยู่บนยอด ตอนล่างในชั้นต่างๆนั้นประดับด้วยประติมากรรมที่สื่อชาวพื้นเมืองและดินแดนที่จักรวรรดิอังกฤษแผ่ไปถึงในยุคนั้น อันมีแคนาดา แอฟริกาใต้ ออสเตรเลียและอินเดีย. ทั้งหมดมีรายละเอียดตามประวัติศาสตร์ของการเข้าไปตั้งอาณานิคมบนดินแดนเหล่านั้น. อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับน้ำพุนี้ได้ตามลิงค์นี้.
จุดเริ่มต้นของอุทยาน Boboli บ๊อบ่อหลิ (Giardino di Boboli) เมื่อผ่านออกจากพระราชวังปิ๊ตติ (Palazzo Pitti [ปะลาซโซะ ปิ๊ตติ]) เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ พื้นที่หลักของอุทยานนี้ (Ammannati courtyard) สถาปนิกอัมมันนาติสร้างเป็นแอมฟิเธียเทอร์ มีรูปปั้นประดับไปโดยรอบ ตรงกลางพื้นที่ มีเสาโอเบลิซก์ มีอ่างน้ำหิน(รูปทรงเหมือนอ่างอาบน้ำ) ตั้งเป็นแนวตรงต่อใจกลางของสระน้ำพุ (Fontana del Carciofo) ที่ต่อตรงมาจากจุดกลางของอาคารพระราชวังระดับเดียวกัน. เห็นชัดระดับพื้นที่ชั้นบนและล่าง (ส่วนมืดๆใต้ประตูครึ่งวงกลม แอ่งลึกเข้าไปเป็นที่ตั้งของถ้ำโมเสส บนพื้นชั้นล่าง). รูปปั้นที่ประดับน้ำพุรอบๆสระ เป็นรูปปั้นปุ๊ตติในท่าต่างๆเช่นขี่ปลาโลมา เล่นน้ำกัน (เด็กตัวกลมๆป้อมๆ บ้างมีปีกติดเป็นทูตสวรรค์องค์น้อยๆ). จากสวนแอมฟิเธียเตอร์นี้ เดินขึ้นไปบนเนินสูงสู่บริเวณสวนอื่นๆ.
ตำหนักใหญ่ในวิลลา Barbarigo [บัรฺบาริโก่] (Giardino di Valsanzibio, Valsanzibio) ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเวนิส อิตาลี. ให้สังเกตว่า ด้านหลังอาคาร มีเส้นทางเดินขึ้นไปบนเนิน ขนาบด้วยต้นไซเพรสสูงๆ.
ประติมากรรมน้ำพุ terracotta ขนาดใหญ่ ทำด้วยอิฐดินเผาสีน้ำตาลแดงๆ เสริมด้วยโครงเหล็ก ตั้งชื่อไว้ว่า Doulton Fountain ประดิษฐานอยู่ตรงหน้า People’s Palace and Winter Garden ที่เมือง Glasgow สก็อตแลนด์. ผลงานการออกแบบของ Arthur Edward Pearce ปี 1888 เพื่อเป็นอนุสรณ์เฉลิมฉลองการครองราชย์ครบห้าสิบปี(1887)ในพระราชินีวิคตอเรีย. พระบรมรูปของพระราชินี ตั้งอยู่บนยอด ตอนล่างในชั้นต่างๆนั้นประดับด้วยประติมากรรมที่สื่อชาวพื้นเมืองและดินแดนที่จักรวรรดิอังกฤษแผ่ไปถึงในยุคนั้น อันมีแคนาดา แอฟริกาใต้ ออสเตรเลียและอินเดีย. ทั้งหมดมีรายละเอียดตามประวัติศาสตร์ของการเข้าไปตั้งอาณานิคมบนดินแดนเหล่านั้น. อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับน้ำพุนี้ได้ตามลิงค์นี้.
จุดเริ่มต้นของอุทยาน Boboli บ๊อบ่อหลิ (Giardino di Boboli) เมื่อผ่านออกจากพระราชวังปิ๊ตติ (Palazzo Pitti [ปะลาซโซะ ปิ๊ตติ]) เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ พื้นที่หลักของอุทยานนี้ (Ammannati courtyard) สถาปนิกอัมมันนาติสร้างเป็นแอมฟิเธียเทอร์ มีรูปปั้นประดับไปโดยรอบ ตรงกลางพื้นที่ มีเสาโอเบลิซก์ มีอ่างน้ำหิน(รูปทรงเหมือนอ่างอาบน้ำ) ตั้งเป็นแนวตรงต่อใจกลางของสระน้ำพุ (Fontana del Carciofo) ที่ต่อตรงมาจากจุดกลางของอาคารพระราชวังระดับเดียวกัน. เห็นชัดระดับพื้นที่ชั้นบนและล่าง (ส่วนมืดๆใต้ประตูครึ่งวงกลม แอ่งลึกเข้าไปเป็นที่ตั้งของถ้ำโมเสส บนพื้นชั้นล่าง). รูปปั้นที่ประดับน้ำพุรอบๆสระ เป็นรูปปั้นปุ๊ตติในท่าต่างๆเช่นขี่ปลาโลมา เล่นน้ำกัน (เด็กตัวกลมๆป้อมๆ บ้างมีปีกติดเป็นทูตสวรรค์องค์น้อยๆ). จากสวนแอมฟิเธียเตอร์นี้ เดินขึ้นไปบนเนินสูงสู่บริเวณสวนอื่นๆ.
ตำหนักใหญ่ในวิลลา Barbarigo [บัรฺบาริโก่] (Giardino di Valsanzibio, Valsanzibio) ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเวนิส อิตาลี. ให้สังเกตว่า ด้านหลังอาคาร มีเส้นทางเดินขึ้นไปบนเนิน ขนาบด้วยต้นไซเพรสสูงๆ.
น้ำพุในวิลลา Barbarigo ไม่ยิ่งใหญ่ มีเป็นระยะบนทางเดินตามแนวแกนหลักของสวน แต่เดินๆไป หรือนั่งพักที่ไหน จู่ๆอาจมีน้ำพุพุ่งขึ้นจากพื้นให้ได้เปียกกัน. เปียกมาแล้ว คิดว่าเขาคงเปิดน้ำพุที่ซ่อนอยู่ใต้ดินตามจุดต่างๆในฤดูร้อนเท่านั้น. สวนที่นั่นจึงเป็นสวนหนึ่งในน้อยแห่งในอิตาลี ที่ยังมีน้ำพุใต้พื้นซ่อนอยู่และใช้การได้
ให้นักท่องเที่ยวได้กรี๊ดกัน. ในวิลลานี้ยังมีสวนวงกต (labirinto) ให้ทดสอบอีกด้วย.
วันที่ไป เหลือเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก่อนสวนปิด ไม่เหลือใครแล้วในสวน กำลังจะออกจากสวน ผ่านลุงคนเฝ้าที่ถามว่า เข้าไปเดินในสวนวงกตหรือยัง สนุกนะ เป็นจุดเด่นของวิลลาทีเดียว. ตอบว่ามีเวลาไม่พอ ลุงรีบเอาโพยให้ ที่ชี้บอกเส้นทางในสวนวงกตนั้น เลยกลับเข้าไปเดินในสวนวงกต แต่มิได้เดินครบทั้งสวน เวลาที่เหลือน้อย ทำให้ใจกังวล กลัวถูกปิดในวิลลานั้น จึงย้อนเส้นทางรีบออกมา.
วันที่ไป เหลือเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก่อนสวนปิด ไม่เหลือใครแล้วในสวน กำลังจะออกจากสวน ผ่านลุงคนเฝ้าที่ถามว่า เข้าไปเดินในสวนวงกตหรือยัง สนุกนะ เป็นจุดเด่นของวิลลาทีเดียว. ตอบว่ามีเวลาไม่พอ ลุงรีบเอาโพยให้ ที่ชี้บอกเส้นทางในสวนวงกตนั้น เลยกลับเข้าไปเดินในสวนวงกต แต่มิได้เดินครบทั้งสวน เวลาที่เหลือน้อย ทำให้ใจกังวล กลัวถูกปิดในวิลลานั้น จึงย้อนเส้นทางรีบออกมา.
ข้าพเจ้าเก็บภาพน้ำพุ
สระน้ำมาเป็นจำนวนมากจากที่ต่างๆประเทศต่างๆ ทั้งใหญ่และเล็กติดต่อมาเป็นสิบปี
รวมกันเป็นอัลบัมภาพน้ำพุได้เลย. ดูภาพที่ถ่ายมาในปลายศตวรรษที่20 (จากกล้องรุ่นเก่าๆ) เทียบกับภาพรุ่นใหม่ในศตวรรษที่21 สวนเดียวกันที่เดียวกัน
บรรยากาศต่างกันมาก. ปัจจุบัน
ความขาดแคลนน้ำ ทำให้ไม่ได้เห็นน้ำพุน้ำตกกันเต็มรูปแบบ ต่างปิดลงๆ
เครื่องกลไกที่อยู่เบื้องหลังก็ชำรุดทรุดโทรมไปด้วย. ได้ขุดคุ้ยภาพรุ่นแรกๆออกมาที่ยังใช้ได้ เห็นชัดว่าคุณภาพกล้องเก่าๆดีกว่ามาก. แต่บางทีต้องอาศัยภาพจากเว็ปต่างๆด้วย. ในที่นี้ขอจบตัวอย่างเพียงเท่านี้.
-------------------------------------
F-3 >> French style (jardin français), Front
garden, Frost work, Fruit garden.
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/05/f-3-french-style.html
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/05/f-3-french-style.html
เมนูหนังสือ
ประมวลความรู้จากศัพท์อุทยานศิลป์
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/06/mygardenbook-menu.html
Comments
Post a Comment