G-3 Grotto

Grotto [กร๊อตโตะ] มาจากคำภาษาอิตาเลียน grotta ที่แปลว่า ถ้ำ ในศตวรรษที่ 16-17 ใช้คำ grotto เรียกถ้ำเนรมิตประดับสวนแบบฝรั่งเศสและแบบอิตาเลียน. ลักษณะสำคัญของถ้ำเนรมิตนั้นมองดูข้างนอกเป็นอาคารชั้นเดียว กำแพงอาคารประกบด้วยแผ่นหินแบบพรุนๆ(เหมือนฟองน้ำ) บางแห่งใช้แผ่นหินเนื้อหยาบๆขรุๆขระๆ. บางแห่งสร้างให้ดูเหมือนถ้ำชายฝั่ง ด้วยการประดับกำแพงด้านนอกให้เหมือนถูกน้ำทะเลกัดเซาะ มีหินย้อยลง หรือจำหลักหินให้เป็นแบบ frostwork (ดูที่ลิงค์นี้).
    ภายในประดับตกแต่งอย่างเต็มที่ อาจมีสระน้ำ น้ำพุ น้ำตก หรือมีพร้อมทุกแบบ รวมรูปลักษณ์ของหินใต้น้ำ ปะการังจำลองและรูปปั้น(เทพ)ทั้งหญิงและชายหรือนางไม้จากเทพตำนานกรีกโรมันในกิริยาโอ้โลม เทพอพอลโลก็ชอบไปอยู่กับหมู่นางไม้ในถ้ำเป็นต้น. บางแห่งผนังภายในถ้ำทั้งหมดประดับด้วยเปลือกหอย หรือเมื่อหาไม่ได้ก็ใช้กรวดหินแทนหรือปนกันไป. ความชื้นยังทำให้เกิดตะไคร่น้ำจับบนกรวดหรือเปลือกหอยทั้งหมด ยิ่งสร้างบรรยากาศของถ้ำลึกริมน้ำ และยิ่งกระตุ้นอารมณ์โรแมนติคในจิตสำนึกของชาวยุโรป. น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดของถ้ำแบบนี้  สร้างความชุ่มชื่นทั้งร่างกายและจิตใจ. ตัวอย่างของถ้ำที่สร้างสรรค์ได้อัศจรรย์ใจ ไม่มีที่ใดเสมอเหมือน(แม้ในยุคปัจจุบัน) คือที่ตำหนักฤดูร้อนของพระราชินี Wilhelmine ในราชอุทยาน Schloss Eremitage (ที่ Markraf Georg Wilhelm ให้สร้างขึ้นในปี 1715 เพื่อพระมเหสี Wilhelmine) ชานเมือง Bayreuth ประเทศเยอรมนี. ภายในถ้ำมีสองชั้น กำแพงประดับด้วยเปลือกหอยเกือบทั้งหมด เคยใช้เป็นที่เลี้ยงสังสันทน์และสนุกรื่นเริงกันในหมู่ขุนนางผู้ดี. ปัจจุบันเมื่อเข้าไปชมการแสดงน้ำพุภายในถ้ำนี้ มีดนตรีคลาซสิก (เช่นของ Richard Wagner) ประกอบการโชว์น้ำพุที่พุ่งออกในเวลาต่างกันจากมุมต่างๆ จากจุดที่เรานึกไม่ถึง จากพื้นที่เรายืนอยู่ หรือจากกลางพื้นที่ว่างเปล่า แล้วจู่ๆก็มีน้ำพุ่งขึ้นจากใต้พื้น สร้างเป็นสายน้ำพุที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศทางไปมาตลอดเวลา. น่าเสียดายที่เขาห้ามถ่ายรูปหรือวีดีโอ แต่ก็เป็นการดี เพราะทำให้มีเวลาดูได้เต็มตา เพราะเขาจำกัดเวลาเข้าชมและต้องเข้าไปเป็นกลุ่ม มีเจ้าหน้าที่เปิดประตูพาเข้าไปเท่านั้น. ได้ไปเยือนที่นั่นสองครั้ง ครั้งที่สอง ไม่มีแขกคนอื่นๆที่ลงชื่อเข้าชมรอบนั้น เจ้าหน้าที่ก็ยังทำหน้าที่ของเขาตามปกติ เลยมีเวลาพิจารณาดูลักษณะถ้ำอย่างละเอียดลออ. กำแพงภายในประดับด้วยหินกรวดขนาดต่างๆสีต่างๆ. ตัวปลาโลมาใช้เปลือกหอย. เมื่อเปิดโชว์น้ำพุ มีเกือบ200 สายที่โผล่ขึ้นจากทั่วบริเวณถ้ำ.
พระตำหนักฤดูร้อน กำแพงด้านนอกใช้หินก้อนใหญ่สีเดียวกันเกือบทั้งหมด ขนาดไม่เท่ากัน ปิดทุกพื้นที่ ตั้งแต่ใต้หลังคาถึงพื้น การสร้างแบบนี้ช่วยคลายความเครียด เหมือนได้ออกจากกฎและกรอบของสังคม.

ห้องถ้ำแสดงน้ำพุ ในแอ่งลึกที่กำแพงตรงกลางห้อง
รูปปั้นวีนัสกับอะโดนิส(Adonis) มีคิวปิดอยู่ข้างๆเล่นกับสุนัข.


เมื่อสายน้ำเล็กๆอื่นๆซาลง น้ำพุจากจุดกลางห้องถ้ำจะพุ่งขึ้น นำมงกุฎขึ้นไปสูง แรงดันน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนส่งให้มงกุฎสูงขึ้นไปแตะตราประจำตระกูลที่ประกอบด้วยตัวอักษร W กับ M สอดเกี่ยวกันเป็นอักษรวิจิตร(Wilhelm / Wilhelmine) บนยอดสูงสุดของเพดานห้องถ้ำนี้.
ในแอ่งลึกอีกแห่งหนึ่ง มีรูปปั้นของเทพอพอลโล มีนางไม้กำลังเช็ดตัวให้.
ไม่กี่สิบปีต่อมา ที่อุทยาน Hellbrunn (Salzburg, Austria) ก็มีน้ำพุกลแบบเดียวกันนี้ แต่ตัวน้ำพุทั้งหมด(พุ่งจากเนินเขาย่อส่วนที่มีสัตว์ประดับเช่นเต่า) ฝังมิดอยู่ใต้พื้นห้อง แล้วจู่ๆก็โผล่ขึ้นพร้อมสายน้ำแรงที่ส่งให้มงกุฎลอยสูงขึ้นๆแต่ไม่สูงไปถึงเพดาน.
    ปัจจุบันตามสวนใหญ่ๆในยุโรปมีถ้ำแบบนี้ประดับสวน แต่ไม่มีการเล่นน้ำแบบนี้แล้ว เพื่อประหยัดน้ำ จึงขาดบรรยากาศความตื่นตาตื่นใจของคนยุคศตวรรษที่18. บางทีถ้ำก็ปิด(ด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง) นักท่องเที่ยวได้แต่ชะเง้อมองจากปากทางเข้า.
     ตามทัศนคติของคนตะวันตกที่สืบจากเทพตำนานกรีกโรมัน ถ้ำสื่อนัยของความรัก ของการแอบพบ มากกว่านัยของความน่ากลัว. รูปลักษณ์ grotesque ดังที่กล่าวถึงข้างต้นจึงสื่อความขี้เล่น ความสนุกระริกระรื่นมากกว่าอื่น. แต่ถ้ำก็มีนัยลึกซึ้งเช่นกัน  Plato เคยใช้คำ grotto โดยเน้นไปถึง ธรรมชาติและขั้นตอนในการเรียนรู้และการเข้าใจของคน ว่าเหมือนเข้าไปในถ้ำและงมหาทางออกมาสู่แสงสว่าง เหมือนดวงตาเห็นธรรม เกิดสติปัญญาที่แจ่มกระจ่าง(หลวงปูพุทธอิสระ ก็ฝึกเณรด้วยการพาเข้าไปในถ้ำ ให้ลับประสาทสัมผัสอื่น เมื่อมองไม่เห็นอะไรในความมืด ให้หาทางออกจากถ้ำให้ได้)
    ชาวกรีกโบราณดูจะสนใจถ้ำมากเป็นพิเศษ ถ้ำของชาวครีต (จากเกาะ Crete ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศกรีซ) เป็นสถานที่เพียบด้วยความลึกลับที่เล่าต่อๆกันมา.
    ชาวโรมันก็ชื่นชอบถ้ำธรรมชาติมากจนต้องสร้างถ้ำจำลองประดับวิลลา. ถ้ำธรรมชาติที่มีชื่อเสียงในอิตาลีเช่น Grotta Azzurra (the Blue Grotto) หรือถ้ำ Grotta del Arsenale บนเกาะ Capri  มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปชม.
    เกาะคาปรี (Isola di Capri) ยาวเพียง 6 กิโลเมตรและกว้าง 3.5 เมตร. ลักษณะเป็นโขดหินแข็งแกร่งและสูงชัน เว้าแหว่ง ทำให้เกิดถ้ำใต้หินผาจำนวนมาก ที่คงสวยงามพอๆกัน เพียงแต่ว่า ถ้ำจะลึกเข้าไปเพียงพอหรือไม่สำหรับการล่องเรือเข้าไปวนภายในโพรงหินใต้เขาเป็นขบวน.
    ถ้ำสีฟ้า (Grotta Azzurra) เป็นถ้ำที่ลึกเข้าไปเพียงพอภายในกว้างทีเดียว แต่ปากถ้ำเล็กนิดเดียวพอให้เรือแจวลำน้อยเข้าไปได้ทีละลำ นั่งลำละสี่ห้าคน คนแจวยืนไม่ได้และคนนั่งต้องเอนตัวไปด้านหลังเมื่อเรือลอดเข้าใต้ช่องหิน. สมัยนั้นจากเกาะคาปรีต้องนั่งเรือไปที่ Marina Grande เดินลงไปยังท่าเทียบเรือแจวที่ Anacapri. เรือแจวลำเล็ก รับส่งเข้าไปวนภายในถ้ำสีฟ้า หนึ่งรอบ นานประมาณห้านาที แล้วก็พาออกมา. ก่อนย้ายไปขึ้นเรือลำใหญ่กว่ากลับไปยังเกาะคาปรี ถ้าไม่ให้ทิป คงไม่ได้ขึ้นจากเรือ เหมือนไม่ได้ลงจากอูฐหากไม่ทิปผู้ดูแลอูฐ. ระหว่างทางกลับ ไปแวะดูถ้ำสีเขียว. เส้นทางอย่างนี้ในปี 2005 ที่ดั้นด้นไปจนได้. ยุคนั้นนับว่าคนยังน้อยอยู่.
ท่าลงเรือแจวเพื่อไปเข้าถ้ำสีฟ้า

คนแจวเรือต้องนั่งเมื่อเข้าไปในถ้ำ. บางคนร้องเพลงเช่น O Sole Mio. เสียงที่ร้องจะก้องสะท้อนอยู่ภายในถ้ำ คนที่รักสนุกก็ร้องตาม แต่เนื่องจากไม่มีเวลาให้ปล่อยอารมณ์ส่วนตัวมากนัก จึงดูไปรอบๆตัว. น้ำทะเลสีฟ้าใสจากการสะท้อนหักเหของแสงภายในถ้ำนั้น.
มีคนเช่าเรือมาว่ายน้ำในบริเวณนี้
ถ้ำสีเขียว (Grotta Verde) น้ำทะเลสีเขียวๆ มิได้เป็นโพรงมืดเข้าไปใต้ภูเขา
แต่อยู่กลางแจ้งมากกว่า 

ลักษณะโขดหินที่ประกอบกันเป็นกายภาคของเกาะคาปรี

     Leon Battista Alberti (1404-1472) ชาวอิตาเลียน เป็นสถาปนิก นักมานุษยวิทยา นักคณิตศาสตร์และศิลปิน. นักประวัติศาสตรศิลป์สรุปกันไว้ว่าเขาเป็น มนุษย์ครอบจักรวาล แห่งยุคเรอแนสซ็องส์. เขาแนะว่า ถ้ำควรจะเป็นองค์ประกอบแบบหนึ่งของสวน. ชาวอิตาเลียนจึงพากันเนรมิตถ้ำในวิลลาเกือบทุกแห่งตลอดยุคเรอแนสซ็องส์. โดยทั่วไป หากไม่สามารถสร้างถ้ำใต้พื้น ก็มักจัดเป็นห้องสวนห้องหนึ่งบนพื้น แล้วตกแต่งประดับด้วยหินแร่และเปลือกหอยเต็มทั้งห้องทั้งภายในและภายนอก
แน่นอน ตามค่านิยมยุคสมัย เขาก็สร้างถ้ำประดับภายในพื้นที่ขนาดใหญ่ของอุทยานในวาติกันด้วย ถ้าคิดว่านั่นคือศาสนสถาน มีถ้ำไว้ทำไมในนั้น เพื่อเตือนใจหรือเพื่อเก็บเป็นตัวอย่างแบบสถาปัตยกรรมของยุค.

สี่ภาพข้างล่างนี้จากอุทยานภูมิทัศน์ Stourhead (ที่ Stourton, Wiltshire, UK). ถือกันว่าอุทยานภูมิทัศน์แห่งนี้ (1741-1780) ดีเด่นเป็นหนึ่งของอังกฤษเลยทีเดียว ที่สามารถเนรมิตมุมมองสวยๆได้อย่างวิเศษ มองเห็นไกลๆได้จากทุกทิศทุกทางภายในอุทยาน.

เห็นถ้ำแต่ไกล ตั้งริมทะเลสาบ และเมื่อเข้าไปในถ้ำ มองจากภายในถ้ำออกมา ก็เห็นทัศนียภาพกว้างไกลของอุทยาน. ภายในใช้หินพรุนๆประดับทั้งหมด
มีถ้ำเล็กๆภายในอีกสองถ้ำ ภาพนี้มีรูปปั้นเทพแห่งแม่น้ำ
รูปปั้นเทพธิดาประจำถ้ำ ตามข้อความที่กำกับไว้ว่าเป็น nymph of the grot”. ผู้กำลังนอนพักอยู่ริมน้ำ. ท่านอนแบบนี้เลียนแบบจากประติมากรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดรูปหนึ่งในศิลปะโบราณ เรียกกันว่า Sleeping Ariadne. นักประวัติศาสตร์ศิลป์อธิบายท่านอนนี้ว่า ไม่ใช่ท่านอนที่ผ่อนคลาย มีเสื้อผ้าพันแข้งพันขาที่ไขว้กัน มือข้างหนึ่งยกขึ้นสูง อีกข้างยันที่คาง เพื่อถ่วงสมดุลกัน ครึ่งนั่งครึ่งนอนแบบนี้ ไม่หลับจริง (เหมือนคอยระแวดระวังภัย แบบง่วงมากแต่หลับไม่ได้)
ประติมากรรม Sleeping Ariadne แบบกรีกศตวรรษที่ 2BC ประดับเหนือหีบศพหิน ภาพนี้เป็นเวอชั่นโรมันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วาติกัน อิตาลี. เครดิตภาพของ Wknight94. 26 April 2008. CC-BY-SA-3.0, from Wikimedia Commons.
ภาพนี้จากอุทยานปราสาท Leeds Castle (ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง Maidstone, Kent, UK) สร้างตามแบบถ้ำในวิลลาอิตาเลียน ใช้หินจำลอง มีน้ำตกน้ำพุ โดยเฉพาะจากปากยักษ์ตัวโตที่เบิ่งตากว้างคอยเขย่าขวัญผู้หญิงให้ตกใจเพื่อเปิดโอกาสให้หนุ่มผู้ติดตามได้ปลอบได้โลม.

ภายในพระราชวัง Het Loo เนเธอแลนด์ มีชั้นใต้ดินที่จัดเป็นห้องถ้ำ กว้างใหญ่ ที่เป็นคลังสะสมสมบัติแปลกอีกจำนวนมากจากการเดินเรือ (cf.คำ curiosity) ถ้ำที่เนรมิตขึ้น พิเศษกว่าที่อื่นเพราะใช้เปลือกหอยจำนวนมากแบบสวยๆหายากและขนาดใหญ่ด้วย ดังภาพตัวอย่างข้างล่างนี้.
บนเพดาน(ห้อง)ถ้ำ เด่นชัดคือเปลือกหอยเป่าฮื้อ (abalone)
เปลือกหอยเป่าฮื้อประดับเป็นกรอบประตู เปลือกหอยเชลล์และเปลือกหอยแบบอื่นๆประดับกำแพง มีลวดลายทำด้วยชิ้นเซรามิคสีๆ ประดับบนฐานกำแพงใต้หน้าต่าง.
มุมน้ำพุทำด้วยหินเนื้อหยาบๆ ประดับด้วยเปลือกหอยหลายชนิด

เก้าภาพข้างล่างต่อไปนี้จากพระราชวัง Residenz กลางเมืองมิวนิค มีห้องหนึ่งชั้นล่าง ประดับผนังกำแพงห้องด้วยเปลือกหอยแบบต่างๆ. มีอ่างน้ำพุสามสี่แห่งติดผนังห้อง. การประดับตกแต่งทำด้วยความประณีตและทำได้อย่างวิจิตรพิสดารโดยใช้เปลือกหอยเกือบทั้งหมด. มีลานสวนให้เดินเล่นด้วย รวมกันเป็น Grottenhof (หรือ Grotto Courtyard, สร้างขึ้นในระหว่างปี 1581-1589) เป็นสิ่งก่อสร้างที่ทำให้นึกถึงถ้ำ แต่ไม่มีบรรยากาศของถ้ำ. ผู้ชมเดินผ่านห้องนี้ ไปบนเส้นทางที่เขาจัดให้เพื่อชมพระราชวัง จึงเพียงชำเลืองดูแล้วเดินผ่านไป โดยไม่สังเกตรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ.
ผนังห้องถ้ำ (grottenhof) รูปแบบสถาปัตยกรรมเรอแนสซ็องส์ โดยใช้เปลือกหอยแบบต่างๆขนาดต่างๆจำนวนมากแทรกและเสริมด้วยกรวดขนาดเล็กๆ.
รายละเอียดของสระน้ำพุเล็ก เมื่อเปิดน้ำพุ สายน้ำพุเล็กๆไหลออกจากทรวงอกของนางไม้ที่ประคองอ่างน้ำพุหินสีแดงๆ.
รายละเอียดของนางไม้หอบกรวยบรรจุผลไม้ต่างๆสื่อความอุดมสมบูรณ์ ประดับอยู่สองข้างน้ำพุ Hermes (ภาพล่างต่อไป)

รูปปั้นเทพ Hermes สีทอง มีรูปปั้นคนผิวดำขนาบสองข้าง อาจโยงไปถึงแขกมัวร์ที่เข้าไปยึดดินแดนและปักหลักอย่างมั่นคงในสเปนตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 จนถึงปลายศตวรรษที่ 15 ดินแดนสเปนจึงกลับมาเป็นแดนคริสต์ศาสนา (ดูท่าทางของคนผิวดำ เหมือนรูปปั้นยักษ์แบกของไทย).
พิจารณาเปลือกหอยแบบต่างๆขนาดต่างๆที่นำมาติดเรียงกัน 
เป็นรูปลักษณ์อย่างประณีตงดงาม

ลานสวนหน้าห้องถ้ำ มองเข้าไปในอาร์เขต คือผนังกำแพงที่ติดประดับประดาด้วยเปลือกหอยดังภาพที่นำลงเป็นตัวอย่างข้างบน. รูปปั้นประดับสระน้ำพุคือ รูปปั้น  Perseus วีรบุรุษผู้โด่งดังในตำนานกรีกโบราณที่ตัดหัว Medusa ได้สำเร็จ. รูปปั้นปุ๊ตโตะ(putto=เด็กชายตัวกลมๆป้อมๆ) ที่เห็นในภาพ มือจับหัวมังกร เท้าสองข้างคร่อมบนตัวมังกร ก็โยงต่อไปถึงวีรกรรมของ Perseus ด้วยเช่นกันว่า Perseus ฆ่ามังกรได้และช่วยชีวิตของ Andromeda. การนำวีรกรรมของ Perseus มาสร้างเป็นกลุ่มประติมากรรมสระน้ำพุตรงนี้ สอดคล้องกับการจัดห้องถ้ำที่นั่น เพราะวีรกรรมของ Perseus เกิดขึ้นในบริบทของถ้ำและใกล้ทะเล. (หาตำนานเรื่องนี้อ่านได้ในเน็ต).
ลานสวนหน้าห้องถ้ำในปัจจุบัน เทียบกับภาพพิมพ์ในปี 1722 ข้างล่างนี้ จะเห็นว่าดั้งเดิมสวนภายในพื้นที่คอร์ตบริเวณนี้ มีแปลงดอกไม้มากกว่า รูปปั้นตรงกลางคือ Perseus.
เส้นสีแดงๆที่ขีดไว้คือบริเวณภายในอาคารที่ผนังกำแพงประดับด้วยเปลือกหอยขนาดต่างๆจำนวนมาก. ภาพพิมพ์นี้กำกับไว้ว่าเป็นภาพสวน Grottenhof ในสมัยของเจ้าผู้ครอง Maximilian Emanuel (ครองราชย์ระหว่างปี 1679-1726)
Residenz เป็นทั้งศูนย์การปกครองและที่ประทับของกษัตริย์และราชนิกูล Wittelsbach แห่งบาวาเรียตั้งแต่ปี 1508-1918. กลุ่มสถาปัตยกรรม Residenz ขยายออกไปเข้าสู่ตัวเมืองมากขึ้นๆ. ตั้งแต่ปี 1920 เป็นต้นมา เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับประชาชน เป็นศูนย์รวมศิลปวัฒนธรรมตั้งแต่ยุคเรอแนสซ็องส์ บาร็อคและแบบประดับสไตล์ร็อคโกโก ศูนย์สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป.

ถ้ำวีนัส (Venus grotto) ที่พระราชอุทยาน Schloss Linderhof (สร้างขึ้นระหว่างปี 1869-1879 อยู่ในหุบเขา Graswangtal, หมู่บ้าน Gemeinde Ettal, แคว้น Bavaria ประเทศเยอรมนี). เป็นถ้ำขนาดใหญ่ เนรมิตจากหินจำลอง พร้อมเรือหงส์ที่เป็น เรือสวาท ลอยลำอยู่ในน้ำ เป็นถ้ำตามความฝันของพระเจ้า Ludwig II เจ้าของปราสาทที่จะได้พายเรือในทะเลสาบน้อยๆนั้นท่ามกลางเสียงดนตรี. มีการติดตั้งไดนาโมยี่สิบกว่าเครื่องเพื่อสร้างแสงสีระยิบระยับและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ. สำหรับครึ่งหลังของศตวรรษที่19 นับเป็นความสำเร็จรุ่นแรกด้านเทคโนโลยีแสงไฟ. ให้สังเกตด้วยว่าไกลเข้าไปในถ้ำมีจิตรกรรมขนาดใหญ่ประดับตลอดกำแพงถ้ำ คือวีนัสในหมู่สตรีและปุ๊ตติ (putti เทวดาตัวน้อยๆ).
ในภาพนี้ เห็นที่ประทับของพระเจ้า Ludwig II ในหลืบหินจำลองสีเข้มๆ เข้ากับบรรยากาศถ้ำ. ทั้งหมดเป็นฉากหนึ่งในองก์ที่หนึ่งในอุปรากรเรื่อง Tannhäuser ของ Richard Wagner. เมื่อนักท่องเที่ยวเดินเข้าไปในถ้ำ ได้ยินดนตรีจากเรื่องนั้นประกอบด้วย เป็นสุดยอดถ้ำแสนเพลินแบบเยอรมันที่ไม่มีที่ใดเหมือน. เป็นที่รู้กันว่าพระเจ้า Ludwig II ทรงหลงใหลดนตรีของ Wagner ยิ่งนัก ทรงให้สร้างปราสาทและจัดห้องต่างๆของพระตำหนักเกือบทุกแห่งของพระองค์ให้เหมือนฉากในอุปรากรเรื่องต่างๆของ Wagner. เชิญฟัง Tannhaüser Ouverture ในคลิปนี้.
อุทยานขนาดใหญ่สร้างขึ้นในยุคเรอแนสซ็องส์ศตวรรษที่18 (ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกของยูเนสโก) ชื่อว่า The Garden Kingdom of Dessau-Wörlitz (แคว้น Sachen-Anhalt, Germany) มีพื้นที่หนึ่งจำลองเกาะเล็กๆไว้ในแบบถ้ำตั้งชื่อว่า Der Stein (“หิน” หรือ The Rock). 
ที่นั่นไม่มีอะไรพิเศษนักเพียงแต่ทำเลดี และส่งเสริมให้เด็กๆปีนออกกำลัง. บนยอดเนินที่เห็นสูงขึ้นแบบปิรามิด ตั้งอ่างน้ำสีขาว(หินอ่อนเทียม) ประดับด้วยแผ่นกลม(หินเทียม) มีใบหน้าคนตรงกลางที่ทำให้นึกถึงประติมากรรมหินอ่อนของโรมชื่อ la Bocca della Verità (โอษฐ์แห่งสัจจะ). วิธีการสร้างสรรค์ถ้ำกลุ่มนี้ไม่ประทับใจ.

สถาปัตยกรรมถ้ำประดับสวนที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุด น่าจะคือกลุ่มสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า Untere Grotte der Eremitage (Bayreuth, Germany) สร้างระหว่างปี 1737-1745. เป็นตัวอย่างของการเนรมิตกลุ่มสถาปัตยกรรมถ้ำที่ไม่เหมือนที่อื่นใด รวมสระน้ำพุขนาดใหญ่พร้อมประติมากรรมประดับสระ ทั้งยังเนรมิตลานเดินสองข้างสระ กับลานกว้างแบบเฉลียงพร้อมราวลูกกรงสำหรับให้ยืนมองดูบริเวณถ้ำนี้ได้อย่างทั่วถึง. เดิมในแอ่งลึกใต้ประตูครึ่งวงกลม มีประติมากรรมประดับด้วย. อาคารหลังใหญ่โล่งว่าง อาจเคยเป็นห้องพักดื่มชากาแฟ ส่วนอาคารหลังเล็กที่เห็นน่าจะเป็นที่ตั้งของเครื่องปั่นน้ำ. เขาปิดบริเวณนี้ซ่อมแซมอยู่หลายปี.
ภาพนี้ของ Va.sc.13 August 2013.[CC0] from Wikimedia Commons.
สองภาพข้างล่างนี้ ไปถ่ายมาเองเมื่อไปครั้งแรกปี 2003 ก่อนจะถูกปิดซ่อม.



Gulistan เป็นคำศัพท์ในภาษาเปอเชีย ที่หมายถึงสวนกุหลาบ และต่อมาใช้หมายถึงสวนดอกไม้.

Gymnasium มาจากคำในภาษากรีกว่า gymnos ที่แปลว่าเปล่าเปลือย. คำนี้ใช้เรียกสถานที่ที่ในยุคโบราณ ผู้ชายชาวกรีกไปออกกำลังกาย และเนื่องจากขณะออกกำลังนั้น พวกเขาถอดเสื้อผ้าออกหมด จึงหมายถึงสถานที่ที่คนไม่นุ่งห่มเสื้อผ้าใดๆ และต่อมาเปลี่ยนให้กระชับรัดกุมขึ้นว่า เป็นสถานที่ที่คนไปออกกำลังกาย. ประวัติศาสตร์กล่าวถึงสถานยิมเนเซียมกรีกอย่างเฉพาะเจาะจงว่า เป็นสถาบันสาธารณะ สอนและฝึกการออกกำลังกายสำหรับเด็กหนุ่มผู้มีอายุตั้งแต่18 ปีขึ้นไป ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ gymnasiarchs ผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดการแข่งขันกีฬาและกรีฑาตามวาระงานฉลองสมโภชต่างๆ. เขาเป็นผู้บริหารจัดการโรงเรียนและสอดส่องอบรมความประพฤติของผู้เข้าแข่งขัน. นอกจากนี้ยังมีคำ gymnastai ที่หมายถึงครูสอนหนังสือ ครูฝึกกีฬาและครูผู้ฝึกสอนการกีฬาเพื่อเป็นอาชีพ แก่นักกีฬาหรือนักกรีฑาทั้งหมด. สถาบันยิมเนเซียมกรีกยังสอนวิชาปรัชญา วรรณคดีและดนตรี นอกจากนี้ใกล้ๆที่ตั้งยิมเนเซียมยังมีหอสมุดสำหรับประชาชนด้วย. การเรียนในยิมเนเซียมจึงเตรียมเด็กหนุ่มๆชาวกรีกให้เติบโตเป็นพลเมืองที่มีสมรรถภาพในทุกด้าน.
    การแข่งขันกีฬาเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาจิตสำนึกของชาวกรีกโบราณและเตรียมตัวให้เป็นพลเมืองที่มีประสิทธิภาพในชีวิตสังคม. การแข่งขันจัดขึ้นเพื่อบวงสรวงวีรบุรุษและเทพเจ้า. บางครั้งการแข่งขันกีฬาเป็นส่วนหนึ่งในขบวนพิธีแห่ศพของผู้นำชุมชนที่ถึงแก่กรรม. ชีวิตของชาวกรีกโบราณส่วนใหญ่อยู่ในธรรมชาติ นอกอาคารที่พัก จึงเอื้อต่อการส่งเสริมการเล่นเกมส์กีฬาประเภทต่างๆ. การแข่งขันกีฬาในที่สุดกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่สุดเอกลักษณ์หนึ่งในวัฒนธรรมกรีก. ผู้มีชัยชนะในการแข่งขันในโอกาสฉลองบวงสรวงเทพเจ้านั้น ไม่ได้รับอะไรที่เป็นเงินทองหรือสิ่งของมีค่าใด ได้เพียงพวงมาลัยกิ่งลอเร็ล(laurel)สวมบนศีรษะ แต่ได้รับเกียรติยศและความเคารพอย่างสูงจากพลเมืองร่วมชาติ. การฝึกเตรียมนักกีฬาเพื่อการประลองกำลังครั้งสำคัญๆนั้น เป็นเรื่องที่พลเมืองทั้งหมดคอยติดตามอย่างใจจดใจจ่อ. อาคารสถาปัตยกรรมหลายแห่งถูกจัดให้เป็นที่ฝึกซ้อม. ชัยชนะแต่ละครั้งนับเป็นชัยชนะของแคว้นแต่ละแคว้นด้วย.
ภาพถ่ายจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณพื้นที่ที่เคยเป็น palaestra ส่วนหนึ่งของยิมเนเซียม เป็นที่ฝึกมวยปล้ำ ชกมวยและเกมส์บอลล์ประเภทต่างๆ ที่เมือง Olympia ประเทศกรีซ. จะเห็นว่ายิมเนเซียมเป็นสถานที่กว้างในแวดล้อมธรรมชาติเขียวที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาความแข็งแกร่งของร่างกาย ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณธรรมและจิตสำนึกที่ดีจากการเรียนการสอน. เครดิตภาพของ Wknight94 talk. 1 February 2010. CC BY-SA 3.0 from Wikimedia Commons.
      ในที่สุดยิมเนเซียมกรีกโบราณจึงมิได้เป็นเพียงสถานออกกำลังกายเท่านั้น แต่เป็นสถาบันการศึกษาที่พัฒนาดีเด่นขึ้นโดยการเชื่อมโยงการกีฬา การศึกษาและสุขอนามัยเข้าด้วยกัน. ในด้านการศึกษา เน้นแพทย์ศาสตร์ด้วย (ในฐานะที่เกี่ยวกับสุขอนามัยของผู้เรียนหรือนักกีฬาทั้งหมด). การเรียนการสอนส่วนใหญ่อยู่ภายในยิมเนเซียม ยกเว้นเมื่อเรียนวิชาอักษรศาสตร์และวิชาดนตรีเท่านั้น(ที่ไปอยู่ในสวนมากกว่า). เขาเชิญนักปราชญ์และนักคิด (sophists) ไปสอน ไปอภิปราย ไปเปิดสัมมนาในยิมเนเซียมอย่างสม่ำเสมอ. 
     ปัจจุบันในยุโรปบางประเทศ ใช้คำยิมเนเซียมเพื่อเรียกโรงเรียนมัธยม เทียบได้กับคำ grammar school ของประเทศอังกฤษ หรือ college preparatory high school ในระบบการเรียนการสอนแบบอเมริกัน.  ความหมายของการเป็นสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาสติปัญญาของเด็กหนุ่มๆ ยังคงเป็นความหมายหลักในคำยิมเนเซียมที่ใช้ในประเทศเยอรมนี เป็นที่เตรียมนักเรียนสู่ระดับอุดมศึกษาต่อไป. ส่วนในภาษาอังกฤษ ลดเหลือเพียงคำ gym ที่เน้นพลศึกษาเป็นสำคัญ.
     เราอาจเทียบได้ว่ายิมเนเซียมเป็นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา มีหลักสูตรตั้งแต่ 6-8ปี. เด็กที่เข้าเรียนจบประโยคประถมศึกษา 6 ปีมาแล้ว. เกือบทุกประเทศในยุโรปยังคงใช้ระบบการเรียนการสอนตามอุดมการณ์ของยิมเนเซียมในกรีซโบราณ เช่นเยอรมนี, เนเธอแลนด์, เดนมาร์ค, หมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands), ฟินแลนด์, ลัตเวีย (Latvia), นอร์เวย์, สวีเดน, ไอซแลนด์และลิธัวเนีย (Lithuania). ในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียนั้น การศึกษาเป็นหน้าที่และการบริการสังคมที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ ตั้งแต่ขั้นประถมศึกษา เตรียมอุดมศึกษาและอุดมศึกษา. ทุกประเทศต่างมีทุนการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของพลเมือง. รายละเอียดเกี่ยวกับยิมเนเซียมที่เป็นเตรียมอุดมศึกษายังมีอีกมากที่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะจำนวนปีที่เรียนซึ่งจะต่อเนื่องกับจำนวนปีที่เรียนในระดับประถมศึกษา.
    ขอยกตัวอย่างกรณีประเทศเยอรมนีเพื่อประกอบความรู้เรื่องยิมเนเซียมว่า  หลักสูตรยิมเนเซียมในประเทศเยอรมนี รวมวิชาต่างๆเช่นภาษาเยอรมัน ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิชาการประมวลและจัดการข้อมูล (informatics) ฟิสิคส์ เคมี ภูมิศาสตร์ ชีววิทยา อักษรศาสตร์ ดนตรี พลศึกษา ศาสนศาสตร์ ประวัติศาสตร์และสังคมศาสตร์. นักเรียนต้องเลือกเรียนภาษาต่างประเทศอย่างน้อยสองภาษา ปกตินักเรียนมักเลือกภาษาอังกฤษกับภาษาฝรั่งเศส หรือภาษาอังกฤษกับภาษาละติน. ส่วนภาษาอื่นๆที่เปิดสอนมีภาษาสเปน ภาษากรีกโบราณ หรือภาษารัสเซีย. นอกจากศาสนศาสตร์ที่เป็นวิชาบังคับในรัฐทุกรัฐในประเทศเยอรมนี บางรัฐเปิดสอนวิชาจริยศาสตร์เช่นที่แบร์ลินและโคโลญ. โดยทั่วไปผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากยิมเนเซียมในเยอรมนี (หลักสูตรทั้งหมด 6-8 ปี แต่ละรัฐกำหนดไม่เหมือนกัน) จะมีสิทธิ์เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยใดก็ได้ในประเทศ.
    โดยสรุปหลักสูตรที่สอนมุ่งวางพื้นฐานความรู้ทั่วไป (อาจมีบางประเทศที่มีหลักสูตรเน้นการศึกษาแขนงใดแขนงหนึ่งเป็นพิเศษ). หมวดวิชาพื้นฐานสามหมวดมีมนุษยศาสตร์ (ที่เน้นการศึกษาภาษาคลาซสิกเช่นภาษาละติน ภาษากรีก), หมวดวิชาภาษาสมัยใหม่ (ที่บังคับให้นักเรียนเรียนภาษาต่างประเทศอย่างน้อยสองถึงสามภาษา), และหมวดวิชาคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ ที่รวมวิชาเศรษฐศาสตร์สังคม (อันมีวิชาเศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์และธุรกิจสารสนเทศ). ปัจจุบันเปิดสอนวิชาใหม่ๆอีกด้วย เช่นวิชาการด้านเทคโนโลยีเป็นต้น. (ข้อมูลที่ให้เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานทั่วไป ถูกต้องในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง มิอาจครอบคลุมไปถึงการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการศึกษาของประเทศต่างๆ ที่ปรับเปลี่ยนได้เสมอตามสถานการณ์สังคมและวิวัฒนาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ก้าวรุดหน้าไปเร็วมาก).
---------------------------------------- 
H-1 >> Ha-ha, Hedge, Herbal, Herber, Herm, Hermitage, Hippodrome, Historic garden, Horticulture, Hunting lodge.
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/05/h-1-hedge.html
เมนูหนังสือ ประมวลความรู้จากศัพท์อุทยานศิลป์
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/06/mygardenbook-menu.html

Comments