D - Dutch style

Dairy  ฟาร์ม อาจจัดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานขนาดใหญ่ สร้างให้เป็นภาพลักษณ์ของชีวิตชนบท ที่มีทั้งหมู่สัตว์เลี้ยง แปลงพืชผักสวนครัว ฟาร์มโคนมที่ผลิตนมเนย มีกระท่อมหลังคามุงหญ้าประดับด้วยดอกไม้สีสันสดใสเป็นต้น.   ภาพลักษณ์ดังกล่าวในโลกทัศน์ของชาวตะวันตกสมัยก่อน(และยุคปัจจุบัน) ถือว่าเป็นสุดยอดของความสุข ของชีวิตโรแมนติค ของความสงบท่ามกลางธรรมชาติและห่างไกลจากมายาทั้งหลายของสังคมเมืองหลวงหรือสังคมในราชสำนัก. ตัวอย่างที่เป็นจุดกระตุ้นความนิยมในการสร้างฟาร์มให้เป็นแบบสวนแบบหนึ่ง คือ ฟาร์มของพระนาง Marie-Antoinette [มารี อ็องตัวแน็ต] ในเขตพระราชอุทยานแวร์ซายส์ (ดูรายละเอียดได้ที่คำ cottage garden ที่นี่)
ภาพตัวอย่างจาก Le Petit Trianon ในอาณาบริเวณของพระราชอุทยานแวร์ซายส์. Maison de la Reine (บ้านพระราชินี) 
Le Moulin (บ้านกังหันน้ำ)
แปลงไร่องุ่น
ฟาร์มโคนม

Dam เขื่อนเป็นวิธีหนึ่งในการเนรมิตสวนภูมิทัศน์ ที่ต้องมีทะเลสาบเป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบธรรมชาติหรือที่สร้างขึ้น. เทคโนโลยีการสร้างเขื่อนได้ช่วยเบนกระแสน้ำจากแม่น้ำ หรือปรับระดับน้ำในทะเลสาบภายในสวน อุทยาน และสร้างภูมิทัศน์ที่ตรึงใจยิ่งขึ้นอีก.

Deciduous  เป็นพันธุ์ไม้ผลัดใบ  ตรงข้ามกับพันธุ์ไม้ที่เรียกว่า evergreens ที่เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี เช่นพันธุ์สนเป็นต้น

Deer park  ป่ากวาง รวมกวางประเภทต่างๆที่พบในธรรมชาติในดินแดนแถบนั้น ต้อนให้อยู่ภายในพื้นที่กว้างแห่งหนึ่ง ให้มีชีวิตไปตามธรรมชาติในพื้นที่นั้น ไม่มีกรงขัง หากินตามประสาของมันเอง. รอบๆสวนกวางมีคูที่ขุดลงลึกๆเพื่อกั้นไม่ให้กวางหนีออกไปพ้นบริเวณ. ตั้งแต่กลางศตวรรษที่11 กษัตริย์อังกฤษ (ตั้งแต่ William the Conqueror) ได้ตรากฎหมาย Forest Law ยืนหยัดสิทธิของกษัติย์ เหนือฝูงกวางทั้งหลายในแผ่นดินที่รวมถึงสิทธิการล่ากวางของกษัตริย์. ต่อมาขยายสิทธิการมีป่ากวางไปยังเชื้อพระวงศ์และชนชั้นสูง. มีสถิติระบุว่าในศตวรรษที่11 นั้น มีป่ากวางถึง36แห่ง และในปลายศตวรรษที่14 พื้นที่ป่ากวางคิดเป็นร้อยละสองของพื้นที่อังกฤษทั้งหมด. การล่าสัตว์ในหมู่ชาวอังกฤษ ใช้คำ shooting (แทนคำ hunting) คือการยิงนก(โดยเฉพาะไก่ฟ้า)และกวางเป็นสำคัญ. (ดูที่คำ hunting) การล่าสัตว์เป็นแฟชั่นของชนชั้นสูง เป็น“ภารกิจ”สำคัญที่เป็นหน้าเป็นตาของชนชั้นสูงมาแต่ไหนแต่ไรแล้วในทุกวัฒนธรรม. ในอังกฤษ ความนิยมนี้เสื่อมลง โดยเฉพาะหลังสงครามกลางเมือง (The English Civil War, 1642-1646) เกิดกระแสที่เบนไปในการใช้ประโยชน์ป่ากวางทั้งหลายให้มากไปกว่าเป็นที่ล่าสัตว์ของชนชั้นสูง. ในศตวรรษที่18 ป่ากวางจำนวนมากถูกแปลงให้เป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์ ส่วนกวางนั้นกลายเป็นองค์ประกอบของอุทยานขนาดใหญ่ๆของอังกฤษ และก็พัฒนาเป็นพื้นที่เกษตรเพื่อพืชเศรษฐกิจมากขึ้นๆ   
ภาพจิตรกรรมน้อยแสดงให้เห็นป่าสำหรับล่าสัตว์ในยุคกลาง(ศตวรรษที่15) ภาพนี้ถ่ายจากหนังสือ The Medieval Park: New Perspectives Liddiard, Robert (ed.), Windgather Press, 2007, p. 71. ปัจจุบันอยู่ที่ Bodleian Library, Oxford (UK).[Public domain], via Wikimedia Commons.
ในลอนดอน Kensington Gardens เคยเป็นพื้นที่ป่าเพื่อการล่าสัตว์ส่วนพระองค์ของพระเจ้าเฮนรีที่แปดผู้ให้สร้างขึ้นในปี1538. เปลี่ยนมาเป็นสวน(royal park)ในศตวรรษที่18 แต่ก็มิได้เปิดแก่สาธารณชน แล้วค่อยๆเปิดรับคหบดีและสามัญชนที่เจาะจงไว้ว่าต้องแต่งตัวดีน่านับถือด้วย (only to the respectably dressed cf. royalparks.org.uk). ปัจจุบันสวนเปิดสำหรับทุกคนทุกวันตั้งแต่หกนาฬิกาจนถึงเย็นย่ำค่ำ(ไม่มีการระบุเรื่องการแต่งกายอีก). 
   Richmond Park อยู่ชานเมืองลอนดอน พระเจ้า Charles I ให้สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่17 เจาะจงให้เป็นสวนกวาง จึงมีระบบนิเวศที่หลากหลายแบบที่เอื้อต่อสรรพชีวิตในป่าทั้งสัตว์และพืชพันธุ์. พบพันธุ์ไม้โบราณจำนวนมาก แม้ลำต้นจะเสื่อมลงตามกาลเวลา แต่ยังพบว่ามีแมลงปีกแข็ง(deadwood beetle)สายพันธุ์ที่อาศัยบนซากต้นไม้โบราณเหล่านั้นได้ที่ไม่มีที่อื่นใด. เปิดให้เป็นสวนสาธารณะตั้งแต่กลางศตวรรษที่19. และตั้งแต่เดือนตุลาคมปี1987 ได้ขึ้นทะเบียนเป็น ป่าสงวนสำคัญอันดับหนึ่งที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอังกฤษ. ปัจจุบันยังคงเป็นพระราชอุทยานที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุด(955 เฮกตาร์ หรือประมาณสามเท่าของพื้นที่ Central Park ในนิวยอร์ค).
    ในญี่ปุ่นสวนกวางที่รู้จักกันมากที่สุดคือสวนกวางของเมืองนารา ที่ปล่อยให้กวางอยู่ตามธรรมชาติบนพื้นที่กว้างใหญ่กลางเมืองเก่าของนารา. กวางเดินไปมาจากวัดหรือปูชนียสถานหนึ่งถึงอีกแห่งหนึ่ง  มีรั้วกั้นมิให้เดินลงไปบนถนนรถวิ่งเท่านั้น. ลำต้นไม้ตอนล่างเกือบทุกต้นในพื้นที่ดังกล่าว ถูกหุ้มด้วยลวดหรือวัสดุทนทานอย่างอื่น กันมิให้กวางทำลายต้นไม้ เช่นใช้เขาชนต้นไม้ หรือถูไถตัวกับเปลือกต้นไม้ตามประสากวาง.

Dell เป็นหุบเขาเล็กๆขนาดย่อม ที่สร้างสรรค์ให้เป็นสวน มีต้นไม้พันธุ์ไม้จำนวนมาก บางแห่งที่มีคนสวนดูแลใกล้ชิด มีชื่อและข้อมูลติดไว้กับต้นไม้ จึงเป็นเหมือนห้องสมุดพืชพรรณ. แต่ก็มีอีกหลายแห่งที่ไม่มีคนดูแล ที่มีต้นไม้ขึ้นหลากหลายพันธุ์ที่ไม่มีที่อื่นใด. ในวรรณกรรมอังกฤษ คำ dell มีความหมายของ pleasant safe haven เหมือนท่าเรือที่ปลอดภัย อำนวยความผาสุกเบิกบานใจ.

Dipping well (or pool) เป็นสระน้ำเล็กๆลึกเข้าไปในซุ้มกำแพง จึงเป็นสระหรือบ่อน้ำที่มีหลังคา นิยมจัดเป็นน้ำพุขนาดเล็ก โดยมีท่อน้ำฝังปิดไว้ภายในกำแพง. บางแห่งอาจปลูกพืชพันธุ์ไม้น้ำไว้ในสระ.  สระแบบนี้เป็นแหล่งน้ำใช้ในสวนด้วย คนสวนวิดน้ำได้จากสระนี้ไปใช้ในส่วนอื่นๆของสวน. ในยุคกลาง สวนภายในบริเวณอาราม วัดหรือโบสถ์ มักมีสระน้ำแบบนี้.

ตัวอย่างจากพระราชอุทยาน Blenheim (Oxfordshire, UK) ใต้ลานเทอเรซ เป็นแอ่งน้ำพุในซุ้มเพดานครึ่งวงกลม ภายในประดับด้วยประติมากรรมน้ำพุสามชั้น. สร้างภาพลักษณ์ของถ้ำ ให้เป็นสิ่งกระตุ้นจินตนาการและความฝัน.


ตัวอย่างอีกแบบหนึ่งจากอุทยาน Villa d’Este [วิลลา เด๊ซเตะ] ประเทศอิตาลี. น้ำพุภายในแอ่งลึกเข้าไปในกำแพง ดูเป็นแบบเรียบแต่น่าทึ่ง ซ่อนแหล่งน้ำไว้ภายใน.

Doric order เป็นองค์ประกอบสถาปัตยกรรมกรีกโบราณแบบหนึ่ง. เอกลักษณ์สำคัญของแบบดอริค คือเสาจำหลักเป็นร่องตรง ตลอดความสูงโดยรอบเสา หัวบัวเป็นแบบเรียบ. ดูรายละเอียดที่คำ architecture orders ที่นี่.

Dovecote ในสก็อตแลนด์ใช้คำ Doocot เป็นบ้านเลี้ยงนกพิราบ เลี้ยงเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นอาหาร  บ้านเลี้ยงนกนี้ทำเป็นช่องๆ ให้เป็นรังของนกแต่ละคู่. นกพิราบเป็นอาหารโปรตีนของคนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว.

 อาคารแปดเหลี่ยมทางซ้ายของภาพ คือที่เลี้ยงนกพิราบ ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Barnhurst Farm  อาคารทางขวาคือ Gatehouse ของฟาร์มนี้. ภาพนี้ถ่ายในราวปี1900. สมัยนั้นคนเลี้ยงนกพิราบเป็นอาหาร เลี้ยงกันเกือบเป็นอุตสาหกรรมแบบหนึ่ง. บ้านเลี้ยงนกพิราบจึงมีขนาดใหญ่ ก่อด้วยอิฐ.
ภาพของอาคารเลี้ยงนกพิราบที่บูรณะขึ้นในทศวรรษที่1980. (Wolverhampton, West Midlands, UK)



ทางนกเข้าออกอยู่บนยอดเหมือนจุกเหนือหลังคา. ภายในมีบันไดยาวที่พาดไปบนกำแพงเพื่อเก็บไข่นกหรือเอาตัวนกไป. บันไดนี้จัดทำเหมือนมีราง ให้เลื่อนไปรอบๆกำแพงทั้งอาคารได้. ภาพสุดท้าย เห็นลักษณะภายในเมื่อถ่ายภาพยกสูงขึ้นไปที่เพดานกลางหลังคาของหอกลมที่ใช้เลี้ยงนกพิราบ.
อาคารทรงโดมที่เห็นนี้ ก็เป็นที่เลี้ยงนกพิราบ ภาพจากเว็ป Robinson Garden.

ที่เลี้ยงนกพิราบอีกแบบหนึ่งที่วิหาร Oelinghausen
(West Rhine-Westhalia, Germany)
บ้านนกพิราบก่ออิฐที่ Aston – Chester West and Chester (UK)
นี่ก็เป็นอาคารเลี้ยงนกพิราบที่ก่ออิฐเป็นกำแพงวงกลม
ตรงกลางมีต้นโอ๊คที่เติบโตให้ความร่มเย็นแก่เหล่านกที่อยู่ที่นี่.

ในบริบทของสวน นิยมให้มีบ้านนกขนาดเล็กสำหรับนกไม่เกินสามสิบตัว. ให้เป็นองค์ประกอบสวนแบบหนึ่ง สอดคล้องกับนัยอิสรภาพในธรรมชาติ ดังตัวอย่างข้างล่างนี้ จากสวนในเมือง Lübbenau (Germany).

บ้านนกในสวนขนาดเล็กส่วนตัว มีไว้เป็นสิ่งประดับสวน อาจเลี้ยงนกหรือไม่ก็ได้
เช่นที่ Le Clos Alexandre, เมือง Amiens (France).

Dreamstone  เป็นหินจากยุคโบราณ ดั้งเดิมเป็นหินสีแดงผิวเงาเป็นมัน. ต่อมาหายสูญไปกับโลกโบราณ. ปัจจุบันหมายถึงหินที่โปร่งแสงจนสามารถเห็นลวดลายที่ติดมาจากการสัมผัสกับพืชพรรณหรือกับสายน้ำติดต่อกันเป็นเวลานานๆนับร้อย พันหรือหมื่นๆปีเป็นต้น จึงมีร่องรอยของกาลเวลาประทับอยู่ในหินนั้น นิยมกันว่ามีค่ามากกว่าหินเกลี้ยงๆที่ทึบแสงเป็นต้น อาจเป็นสีแดงหรือสีใดก็ได้. ในที่สุดคำนี้ใช้หมายถึงหินที่คนเชื่อว่ามีสรรพคุณต่อความสมดุลของร่างกายและจิตใจของผู้ใช้หรือผู้ที่อยู่ใกล้หินนั้นเสมอ รวมไปถึงหินหรือพลอยทั้งหลาย เช่นทับทิม อาเมติ๊ซ อากวามารีนฯลฯ หินที่โปร่งแสงก็ยังเป็นที่นิยมมากเพราะมีร่องรอยของกาลเวลาประทับให้เห็นชัดเจน นิยมใช้หินแบบนี้ประดับบ้าน เช่น ประดับฝาผนัง หรือบางทีนำไปใช้ประกอบเป็นพนักพิงของเก้าอี้ไม้เนื้อดี. ปัจจุบันนิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับชิ้นเล็กๆเช่นจี้ห้อยคอ หรือสร้อยคอ. ชาวเอเชียสนใจเป็นพิเศษ.
Shamanic Dreamstone ปนแร่ titanium dioxide สีน้ำตาลอมแดง จากประเทศแทนซาเนียในแอฟริกาตะวันออก. ภาพจากเว็ปเพจ mineralicon.de
จากเว็ปเพจญี่ปุ่น stonemarbleshell.com
Shamanic Dreamstone ริ้วสีทองจากบราซิล.

Drive เป็นถนนภายในสวน ดั้งเดิมใช้เป็นทางให้รถเทียมม้าวิ่ง. Humphry Repton เป็นผู้ออกแบบเส้นทางภายในของสวนขนาดใหญ่ มีเส้นวงแหวนที่ล้อมรอบอาณาเขตสวน มีเส้นทางที่ตัดจากมุมหนึ่งไปอีกมุมหนึ่ง หรือเชื่อมทางไปสู่อาคารใหญ่. เขาต้องการให้เส้นทางภายในสวนเป็นจุดชมทิวทัศน์ของสวนด้วย.

ทางเข้าสู่พื้นที่พระราชวัง Het Loo สองข้างทางเป็นต้น beech สูงใหญ่. ถนนลาดยางนี้ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นเส้นทางให้เดินเข้าออกเท่านั้. เขายังเอื้อเฟื้อ ตั้งม้านั่งมีพนักพิงให้เป็นระยะๆ.  

Dryad [ไดร๊เอิด] อาจเทียบได้กับคำ “นางไม้” (ดูที่คำ Nymph)

Duck house บ้านเป็ด. สวนขนาดใหญ่ที่มีบ่อน้ำใหญ่พอ เลี้ยงเป็ดไว้ให้เป็นสิ่งประดับสวนอย่างหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะระวังจำนวนกันด้วย มักมีไม่เกินสามคู่. และก็สร้างบ้านเป็ดไว้กลางบ่อน้ำ. เพิ่มสีสันและชีวิตชีวาแก่บ่อน้ำและสวน. ดังภาพตัวอย่างข้างล่างนี้
บ้านพักกลางลำคลองที่พระราชอุทยาน La Granja [ลา กรังฆา]
(San Ildefonso, Spain).


สวนที่ปราสาท Blair Castle (Perthshire, Scotland) มีบ่อน้ำกว้างและยาว เลี้ยงเป็ดไว้หลายตัว มีบ้านเป็ดที่สร้างมั่นคงแข็งแรงไว้ให้สองแห่ง. อยู่ในภูมิประเทศแบบนี้ เป็ดพวกนั้นโชคดีมาก. ใกล้ประตูสวนมีอาคารสองชั้น (gazebo) อาจเป็นที่พัก ที่เก็บเครื่องมือเครื่องใช้ของคนดูแลสวน.

Dutch style  ชาวฮอลแลนด์ขึ้นชื่อว่ามีความชำนาญการเพาะปลูกพืชพรรณอย่างยิ่ง. ประเทศฮอลแลนด์เป็นศูนย์อุตสาหกรรมพืชสวนของยุโรป. สวนดัตช์คลาซสิกรับแบบมาจากสวนอิตาเลียนและดัดแปลงมาจากสวนแบบแผนของฝรั่งเศส (French formal garden). ในปลายศตวรรษที่17 สวนดัตช์รับเอกลักษณ์และรูปแบบบางอย่างของสวนบาร็อคฝรั่งเศสเข้าไปปนด้วย. สวนแบบดัตช์มักมีพื้นหน้าราบเสมอกัน มีต้นไม้ปลูกเป็นกลุ่มติดกันหนาแน่น. พื้นที่สวนเป็นสี่เหลี่ยม ล้อมรอบด้วยลำคลองที่มีต้นไม้ปลูกเลียบสองฝั่ง เน้นการสร้างสรรค์สวนสองฝั่งคลองเล็กๆ. มีกำแพงพุ่มไม้ พุ่มไม้ที่ตัดเล็มเป็นรูปลักษณ์ต่างๆ (ดูที่คำ topiary). นิยมใช้ดอกไม้พันธุ์หัวและพุ่มไม้เตี้ยๆ. มีรูปปั้นตะกั่วประดับสวน. โดยทั่วไปเป็นสวนขนาดเล็ก แต่ก็มีสวนอุทยานขนาดใหญ่ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกคือพระราชอุทยาน Het Loo [เฮ็ทโล].

   William III of Orange ทรงให้สร้างพระราชอุทยาน Het Loo ขึ้นในปี 1685. พระราชอุทยานนี้เป็นพยานความเชี่ยวชาญของชาวฮอลแลนด์ ที่รู้จักนำเอกลักษณ์สวนอิตาเลียนและฝรั่งเศส มาประกอบกันเป็นสวนแบบแผนที่งามสุดยอดสวนหนึ่งในยุโรป. คนมักพูดกันว่าพระราชวัง Het Loo คือ Versailles ของฮอลแลนด์. ในปี 1969 เมื่อทางสำนักพระราชวังประกาศเลิกใช้พระราชวัง Het Loo เป็นที่ประทับส่วนพระมหากษัตริย์ รัฐบาลจึงเข้าจัดการบูรณะทั้งพระราชวังและพระราชอุทยานให้กลับสู่แบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมในศตวรรษที่17 และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์และอุทยานให้ประชาชนจากทั่วโลกเข้าชมได้ตั้งแต่ปี1984. สวนแบบแผนในศตวรรษที่17 นั้น มีผังสวนเป็นสัดส่วนแบบเรขาคณิต มีเส้นแกนหลักแบ่งพื้นที่เป็นสองส่วน ประดับด้วยแปลงดินปาร์แตร์ (parterres) ที่เหมือนผ้าปัก. ใช้ต้น box (สกุล Buxus semoervirens) ปลูกแน่นติดกันเป็นลวดลายและเป็นขอบเตี้ยๆ ตัดให้เรียบสม่ำเสมอกันทุกต้นทั้งแถวทั้งลวดลายนั้น. ระหว่างลวดลายที่เป็นพื้นที่ภายในแต่ละหย่อม โรยกรวดเล็กๆสีเดียวกันทั้งหมดในบางแปลง หรือสลับสีกรวดในบางแปลง ทำให้ลวดลายเด่นมากขึ้นอีก. แปลงยาวๆที่ปิดล้อมขอบสวนเท่านั้นที่ลงพืชพันธุ์ไม้ดอกตามฤดูกาล และใช้ไม้พุ่มพันธุ์สน (juniper berry bushes) ตัดเล็มเป็นพุ่มรูปทรงต่างๆประดับด้วย.
ภาพข้างล่างนี้ จากพระราชอุทยาน Het Loo ที่ประเทศเนเธอแลนด์. ให้สังเกตการจัดขอบแปลงดอกไม้ และการทำพื้นสวนเป็นปาร์แตร์แบบต่างๆ.



ปาร์แตร์ที่ทำจากต้นบ็อกส์ เหมือนลายปักถี่ยิบ สวยงามไร้ที่ติ. 
สนามหญ้าผืนใหญ่ มีต้นไม้ต้นเดียว เป็นรสนิยมยุโรปที่เรียบหรูและตรึงใจ.
ดูผังพื้นที่พระราชวัง มองเห็นอัจฉริยะของผู้สร้างบนดินทุกกระเบียดนิ้ว.


ส่วนหนึ่งของอุโมงค์ต้นไม้ ตัดเล็มเหมือนอาร์เขตยาว ดังในภาพจำลอง
การตัดเล็มพุ่มไม้เป็นรูปลักษณ์ต่างๆ เหมือนรูปปั้นประดับสวนที่มีชีวิต.
นอกจากสวนแบบแผนขนาดใหญ่ ข้างๆอาคารที่เคยเป็นพระตำหนัก คือสวนพระราชา (King’s garden) กับสวนพระราชินี (Queen’s garden) ยังมีที่เลี้ยงและอภิบาลต้นพันธุ์ส้มและมะนาว(citrus) ที่มีอายุร้อยกว่าปีไว้เป็นจำนวนมาก. ต้นไม้พันธุ์ส้มมะนาวเหล่านี้จะถูกนำออกจากโรงอภิบาลพืชพรรณ มาตั้งโชว์ในสวนระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม.
   ต้นไม้พันธุ์ส้มมีความหมายเป็นพิเศษสำหรับราชวงศ์ เพราะเป็นพระนามของตระกูล Orange และแน่นอนมีส่วนเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์ส้มในยุโรป บทบาทของการค้าขายส้มและสีส้มดั่งทองคำ รวมกันเป็นสียอดนิยมในค่านิยมของชาวยุโรป. นอกจากพระราชวัง Het Loo, ที่น่ารู้คือ Oranienbaum พระราชวังสำคัญแห่งหนึ่งที่อยู่นอกประเทศเนเธอแลนด์(Oranienbaum-Wörlitz, Germany) ที่เป็นศูนย์ข้อมูลความรู้และคลังสะสมอันมีค่าของราชวงศ์ Orange-Nassau กับเป็นสวนดัตช์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเยอรมนี ที่เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ กรกฎาคมปี 2007.
ถนนกลางเมืองที่เคยเป็นตลาดชุมชน (Marktplatz, Oranienbaum zentrum) เป็นทางตรงเข้าพระราชวัง Oranienbaum. มีประติมากรรมต้นส้มตั้งเด่นเป็นอนุสรณ์ความทรงจำเกี่ยวกับราชตระกูล. 

    ในศตวรรษที่ 19 การออกแบบสวนเบนจากแบบที่ปิดล้อมสู่สวนแบบเปิดโล่ง. ยุคนั้นเจ้าของสวนเองก็ยินดีเปิดสวนให้คนอื่นๆได้เข้าไปชื่นชมสวนส่วนตัวของพวกเขา เพราะฉะนั้นเกิดขนบที่เจ้าของสวนเปิดสวนส่วนตัวให้ประชาชนผู้สนใจเข้าชมได้ ทุกปีมีวันที่กำหนด มักเป็นสุดสัปดาห์ เช่นที่เมืองอัมสเตอดัม เป็นสัปดาห์ที่สามของเดือนมิถุนายน.


Geelvinck Hinlopen Huis บ้านศตวรรษที่ 17 กลางเมืองอัมสเตอดัม เป็นบ้านคหบดีชนชั้นสูง ผู้มั่งคั่งจากการค้าขายทางเรือกับประเทศสเปน แอฟริกา สุรีนัมและหมู่เกาะเวสต์อินดีส.  ตั้งแต่ปี 1991 จนถึงปี 2015 ตระกูลนี้ตัดสินใจเปิดบ้านให้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ. ภาพนี้เป็นสวนสไตล์ฝรั่งเศส มีสระน้ำใหญ่และน้ำพุ ประดับด้วยลูกโลกดาราศาสตร์แบบวงแหวนจักรวาล (armillary sphere) ส่วนอีกภาพหนึ่งจัดเป็นสวนเรอแนสซ็องส์. ภาพทั้งสามนี้ถ่ายมาเมื่อปีวันที่ 21 พฤษภาคมปี 2010. ปัจจุบันบ้านตรงนี้ปิดแล้ว พิพิธภัณฑ์ย้ายไปอยู่ทำเลใหม่ ในอาคารประวัติศาสตร์ De Wildeman ที่เมือง Zutphen จังหวัด Gelderland เนเธอแลนด์.


Museum Van Loon. Amsterdam. เป็นบ้านคหบดี สร้างขึ้นในปี1671. บ้านเปลี่ยนมือเรื่อยมาตลอดหลายศตวรรษ จนถึงปี 1884 เมื่อตระกูล Van Loon ซื้อบ้านหลังนี้และอยู่ที่นั่น เป็นเจ้าของต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้. ัดสินใจเปลี่ยนบ้านเป็นพิพิธภัณฑ์ เปิดมาสามสิบปีแล้ว ให้เป็นตัวอย่างของสถาปัตกรรมและการตกแต่งทั้งภายนอกและภายในตลอดจนวิถีชีวิตของผู้มั่งคั่งชาวดัตช์กลางเมืองอัมสเตอดัม. ปัจจุบันเปิดให้เข้าชม แต่บางส่วนก็ยังปิดไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัว. สวนที่เห็นอาจเรียกเป็นสวนหลังบ้านก็ได้. เหมือนตึกทั้งหลายในกรุงอัมสเตอดัม ทางเข้าอาคารติดถนน เมื่อเข้าไปและออกไปจากอาคารที่ติดถนน จะมีสวนที่เป็นพื้นที่เชื่อมกับอาคารสำคัญที่อยู่ลึกเข้าไป. ตึกต่างๆจึงยาวมากกว่ากว้าง และมีสวนเชื่อมตรงกลางพื้นที่. สวนในบ้านแบบนี้จึงเป็นสวนขนาดเล็กแต่พอเพียงสำหรับครอบครัว.

    เอกลักษณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งเมื่อพูดถึงสวนในฮอลแลนด์ คือตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ สวนทุกแห่งในฮอลแลนด์ดารดาษไปด้วยดอก tulip, daffodil และ hyacinth ที่แบ่งบานชวนให้เบิกบานใจ เพิ่มสีสันทั้งแก่สวนและแก่ชีวิตคน.

    ประเทศเนเธอแลนด์เป็นซัพพลายเออร์ดอกไม้รายใหญ่ของโลก44% ของดอกไม้ที่มีซื้อมีขายกันในตลาดโลกไปจากประเทศนี้, 77% ของหัวหรือเหง้าไม้ดอกที่ขายกันในโลกไปจากประเทศเนเธอแลนด์ และส่วนใหญ่เป็นหัวทิวลิป. ประเทศเนเธอแลนด์เป็นผู้ส่งออกต้นไม้ที่มีชีวิต, พืชพรรณ, หัวไม้ดอก, รากและไม้ตัดดอก เป็นอันดับแรกของโลก. รายได้จากการขายไม้ตัดดอกและหัวไม้ดอกเช่นในปี2015 นับเป็น40%ของรายได้จากการค้าของประเทศ. สายพันธุ์พืชใหม่ๆที่เข้าสู่ตลาดยุโรปในแต่ละปีมีประมาณ 1800 สายพันธุ์ในจำนวนนี้65% ไปจากประเทศเนเธอแลนด์. ชาวดัตช์เป็นผู้ส่งออกเมล็ดพันธุ์พืช เป็นอันดับหนึ่งของโลก ตัวอย่างในปี2014 มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 3.1 พันล้านยูโร. นอกจากนี้ ประเทศเนเธอแลนด์เป็นผู้ส่งออกผักสด มูลค่าการส่งออกผักต่างๆคิดตามราคาตลาดอยู่ที่ 7 พันล้านยูโร ทำรายได้จากการค้าขายนี้มากเป็นอันดับสองในโลก. ข้อมูลสั้นๆเหล่านี้ ยืนยันว่าประเทศเนเธอแลนด์มีความเชี่ยวชาญในการเพาะปลูกพันธุ์ไม้ดอก การพัฒนาเมล็ดพืชพันธุ์ และสร้างดอกไม้หน้าตาสีสันใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง. สนใจอยากรู้รายละเอียด คลิกต่อไปอ่านได้ที่ลิงค์นี้.

    อุทยานที่ Keukenhof เป็นพยานหนึ่งที่ยืนยันข้อมูลดังกล่าว. ชาวโลกยังคงหลั่งไหลไปชมทุกปีตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคม. ความน่าอภิรมย์ของอุทยานนี้มิได้อยู่ที่การมีดอกไม้สวยงามจำนวนมากเท่านั้น แต่อยู่ที่การบริหารพื้นที่ทั้งบริเวณ. มีต้น beech [บีช] อายุหลายร้อยปีขึ้นเป็นแถวเป็นแนวและทั่วไปในบริเวณสร้างความร่มรื่นแก่การเดินชมสวน ปกป้องดอกไม้พันธุ์หัวต่างๆใต้ร่มเงาของมัน. พื้นที่ทั้งบริเวณดูเป็นสวนสวรรค์ เป็นสวรรค์คนสร้างที่วิเศษ. ชมตัวอย่างภาพจากอุทยาน Keukenhof ต้นๆฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้ยังไร้ใบ หลายคนติดใจสีสันดอกไม้ที่โรยราไปในไม่กี่เดือน ดาราเอกที่แท้จริงคือต้นไม้ทั้งหลายในอุทยานนี้. สีเขียวอ่อนๆที่ค่อยๆเข้มขึ้นๆ คือชีวิตที่มั่นคงยืนหยัดเป็นร้อยปีมาและอีกร้อยปีต่อไป ให้ออกซิเจนบริสุทธิ์ เงาไม้ร่มรื่น เกื้อหนุนสรรพชีวิตอื่นๆในระบบนิเวศนี้
ดอกไม้เป็นเพื่อนเล่นชั่วคราว 
แต่ต้นไม้เป็นเพื่อนรัก เพื่อนอุปถัมภ์ตลอดชีวิตของเรา.





--------------------------------
Letter E
E-1 >> Edging, Egyptian garden.
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/03/e-1-egyptian-garden.html
เมนูหนังสือ ประมวลความรู้จากศัพท์อุทยานศิลป์
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/06/mygardenbook-menu.html

Comments