Sacred grove
ป่าศักดิ์สิทธิ์. ในอีจิปต์โบราณรอบๆที่ตั้งของศาสนสถานมีป่าศักดิ์สิทธิ์
ในกรีซก็เช่นกัน. ในกรีซยุคโฮเมอร์ ป่าศักดิ์สิทธิ์ยังคงมีเพียงกำแพง(สร้างด้วยแนวต้นไม้ปลูกติดๆกันไป)
ล้อมเป็นวงรอบแท่นบูชา. ต่อมาจึงค่อยๆวิวัฒน์ขึ้นเหมือนสวนในบริเวณวัดหรือโบสถ์. ป่าศักดิ์สิทธิ์สำคัญมากเสมอและจะเป็นเช่นนี้เรื่อยมา. ตัวอย่างที่เมือง Delphi [เด็ลฟี]
มีศาสนสถานที่สร้างอุทิศแก่เทพอพอลโลในภูมิประเทศอันงดงาม. ยุคนั้นเมือง Delphi เป็นสัญลักษณ์ของเอกภาพของชนเผ่าเฮเลนนิก
(Hellenic world) เป็นเสมือนศูนย์กลางของโลก. ชนเผ่าเฮเลนนิกเดินทางไปเมือง
Delphi เพื่อฟังคำทำนายจากศาสนสถานที่นั่น (ที่รู้จักกันว่า the Oracle of
Delphi). บริเวณข้างๆที่ตั้งของสถานศักดิ์สิทธิ์นั้น
มีป่าต้นลอเร็ลล้อมรอบพื้นที่. นักโบราณคดีสรุปว่า บริเวณนั้นน่าจะเคยเป็นที่เก็บสมบัติของศาสนสถาน
เป็นถ้ำสมบัติใต้ระดับพื้นดิน (cf. ดังเล่าไว้ในละครกรีกโบราณเรื่อง Ion [อีโอน] เป็นบทประพันธ์ของ Euripides [ยูริพีเดซ] ที่แต่งขึ้นระหว่างปี 414-412 BC.). ป่าศักดิ์สิทธิ์จึงมีนัยของการเป็นที่เก็บสมบัติ เป็นถ้ำลึกลับ (และที่ชาวโรมันสืบทอดทัศนคตินี้ นำไปพัฒนาเป็น grotto (ดูที่ลิงค์ถ้ำที่ให้นี้) และถ้ำ grotto ก็กลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของสวนอิตาเลียน. อย่างไรก็ดี
นักโบราณคดีกรีกก็ค้นพบว่า มีศาสนสถานที่ไม่มีป่าอยู่ใกล้ๆ ดังปรากฏแทรกไว้ในบทสรรเสริญเฮอมิซ (Hymn to Hermes) ในเรื่อง Iliad [อีเลียด] ของโฮเมอร์. จากเดิมที่เคยเป็นป่าไม้ล้วน ภายหลังมีการปลูกไม้ผลรอบๆศาสนสถาน เพื่อเป็นอาหารของผู้ทำหน้าที่รับใช้ศาสนสถานนั้น
รวมทั้งไม้ดอกเพื่อให้มีกลิ่นหอมอบอวลบริเวณนั้นและให้เป็นที่สำเริงสำราญของเหล่านางฟ้าด้วย (ให้เป็น nyphm
sanctuaries). อย่างไรก็ดี
โดยทั่วไปชาวกรีกยึดขนบอย่างเคร่งครัด ว่าต้นไม้ประจำทวยเทพทั้งหลายนั้น
ห้ามแตะต้อง.
ต้นไม้ประจำศาสนสถาน เป็นที่แขวนแผ่นจารึก ที่ชาวบ้านนำไปบูชา ตอบแทนบุญคุณที่พระเจ้า พระแม่มารีหรือเทพองค์หนึ่งองค์ใด ได้ช่วยตนให้พ้นภัย(เรียกว่า ex-voto). นอกจากป่าศักดิ์สิทธิ์และต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ในยุคหลังๆต่อมา ยังมีสถานศักดิ์สิทธิ์ที่อุทิศแด่วีรบุรุษของชาติ เช่นสุสานของบรรพบุรุษของชนเผ่าหนึ่ง หรือของผู้สถาปนาชุมชนหนึ่ง. ในกรณีนี้เช่นกัน มักมีแนวต้นไม้ปลูกล้อมรอบสุสานนั้น. ต้นไม้ที่ปลูกในสถานที่เช่นนั้น ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และล่วงเกินมิได้เลย. ดังปรากฏเล่าว่าชาวเมืองอาเธนส์ยุคนั้น ลงโทษถึงตายผู้แอบตัดไม้ในบริเวณศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นต้นอ่อนต้นเล็กเพียงใดก็ตาม. แน่นอนที่แต่ละชุมชนแต่ละเมือง ต่างมีวีรบุรุษที่เป็นที่เคารพบูชา ต้นโอ๊คอายุหลายร้อยปี, ต้นมะกอกฝรั่งที่ยังไม่เคยมีมือผู้ใดไปแตะต้องหรือเก็บผลไปกิน, ต้นไซเปรส (Cupressus) สูงเปรียวงามสง่าฯลฯ. และแม้ศรัทธาต่อทวยเทพกรีกลดลงไปตามกาลเวลา ทั่วไปในกรีซตั้งแต่โบราณจนถึงต้นคริสตกาล ต้นไม้เหล่านี้ทอดเงาให้ร่มไม้เหนือสุสาน สร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลายแก่ชาวกรีกเสมอมา.
ต้นไม้ประจำศาสนสถาน เป็นที่แขวนแผ่นจารึก ที่ชาวบ้านนำไปบูชา ตอบแทนบุญคุณที่พระเจ้า พระแม่มารีหรือเทพองค์หนึ่งองค์ใด ได้ช่วยตนให้พ้นภัย(เรียกว่า ex-voto). นอกจากป่าศักดิ์สิทธิ์และต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ในยุคหลังๆต่อมา ยังมีสถานศักดิ์สิทธิ์ที่อุทิศแด่วีรบุรุษของชาติ เช่นสุสานของบรรพบุรุษของชนเผ่าหนึ่ง หรือของผู้สถาปนาชุมชนหนึ่ง. ในกรณีนี้เช่นกัน มักมีแนวต้นไม้ปลูกล้อมรอบสุสานนั้น. ต้นไม้ที่ปลูกในสถานที่เช่นนั้น ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และล่วงเกินมิได้เลย. ดังปรากฏเล่าว่าชาวเมืองอาเธนส์ยุคนั้น ลงโทษถึงตายผู้แอบตัดไม้ในบริเวณศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นต้นอ่อนต้นเล็กเพียงใดก็ตาม. แน่นอนที่แต่ละชุมชนแต่ละเมือง ต่างมีวีรบุรุษที่เป็นที่เคารพบูชา ต้นโอ๊คอายุหลายร้อยปี, ต้นมะกอกฝรั่งที่ยังไม่เคยมีมือผู้ใดไปแตะต้องหรือเก็บผลไปกิน, ต้นไซเปรส (Cupressus) สูงเปรียวงามสง่าฯลฯ. และแม้ศรัทธาต่อทวยเทพกรีกลดลงไปตามกาลเวลา ทั่วไปในกรีซตั้งแต่โบราณจนถึงต้นคริสตกาล ต้นไม้เหล่านี้ทอดเงาให้ร่มไม้เหนือสุสาน สร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลายแก่ชาวกรีกเสมอมา.
ในยุคคลาซสิกของกรีซ ป่าศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ใช้เพื่อการบริหารร่างกายและพัฒนาสติปัญญา. อุดมการณ์นี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของสถาบันการเรียนการสอน
ที่ยังเห็นได้ชัดเจนในคำต่างๆที่ใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน เช่นคำสถาบัน academy, lyceum และ gymnasium. ในภาพยนตร์เรื่อง The Dead Poet’s
Society กลุ่มนักเรียนแอบไปพบกันยามวิกาล
ในถ้ำหรือใต้หมู่ต้นไม้ใหญ่ๆ เพื่อพูดคุยถกปัญหาและอ่านบทกวี เป็นทั้งความบันเทิงและวิธีการพัฒนาความคิดอ่าน
ตามแนวการเรียนการสอนของปราชญ์กรีก. (ผู้ประพันธ์เข้าใจใช้อุดมการณ์ป่าศักดิ์ศิทธิ์จากกรีซโบราณมาผูกเรื่องได้อย่างมีนัยสำคัญต่อเนื้อหาและการเติบโตทางความคิดของกลุ่มนักเรียน). ดังที่รู้กันดีว่า เปลโตสอนปรัชญาในสวน
ท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่น. ป่าศักดิ์สิทธิ์จึงมีนัยของการเรียนรู้ การเข้าถึงความลึกลับของธรรมชาติ ซึ่งมิใช่เรื่องเวทมนตร์คาถาใดๆแล้ว
แต่เป็นการเข้าใจระบบนิเวศ ธรรมชาติพืชพรรณตามแนวของวิทยาศาสตร์.
Salle de verdure [ซาล เดอ แวรฺดูรฺ] เป็นคำฝรั่งเศส
หมายถึงพื้นที่โล่งกลางป่าขนาดย่อม (bosquet) มีสนามหญ้าเขียวชอุ่ม.
Sand path
ทางปูทราย เป็นทางเดินภายในสวนตะวันตก
นิยมกันในศตวรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่18.
Sarcophagus
โลงศพหินสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ (แบบกรีกและโรมัน)
มีลวดลายจำหลักสี่ด้าน เล่าชีวิตของผู้ตาย หรือเหตุการณ์สำคัญ.
โลงศพหินแบบนี้ต่อมาเป็นต้นแบบให้สร้างโลงหินประดับสวนแบบแผนด้วย
แต่ไม่มีฝาปิดตอนบน บางทีใช้ปลูกต้นไม้
บางทีตั้งโชว์ไว้เฉยๆเหมือนแบบประดับสวนคลาซสิกแบบหนึ่ง.
คนตะวันตกกลัวผีหรือไม่นั้น ไม่เคยเป็นคำถามข้องใจคนตะวันตกด้วยกัน
เพราะความรักความหลงใหลความงาม ความแปลก ความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่แฝงอยู่เบื้องหลังสิ่งหนึ่ง
วิสัยทัศน์และค่านิยมแบบนี้ต่างหากที่เป็นเครื่องตัดสินความสำคัญของวัตถุหรือสถานที่หนึ่ง. เช่นนี้จึงมีนักโบราณคดีชาวตะวันตกที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน
สืบเสาะด้วยทุกวิถีทางเพื่อศึกษาศพ ศึกษามัมมีเป็นต้น. ชาวอีจิปต์
ชาวอาหรับหรือชาวเอเชียโดยปริยายกลัวผีและวิญญาณ ไม่เคยคิดเปิดหีบศพ ผ่าศพวิเคราะห์ศพมาก่อน
หรือคิดเอาโลงศพมาประดับภายในบริเวณบ้าน จนเมื่อชาวตะวันตกเริ่มขึ้นก่อน จึงเข้าร่วมต่อมา “เพื่อประโยชน์ของการศึกษา”เป็นสำคัญ.
Saxons เป็นชนชาติเยอเมนิกกลุ่มหนึ่งที่ไปตั้งรกรากในบริเวณภาคเหนือของประเทศเยอรมนีและฝั่งทะเลบอลติก. ชนเผ่านี้ต่อมาได้เข้ารุกรานเกาะอังกฤษและตั้งรกรากที่นั่นตั้งแต่ศตวรรษที่ 5AD.
Scottish heather dell สวนสก็อตทิชเฮ็ทเธอร์. เฮ็ทเธอร์ (heather ไม้ในสกุล Erica) เป็นไม้พุ่มสูงไม่เกิน
50 เซ็นติเมตร ขึ้นในภูเขา หุบเขาในเขตหนาว. เป็นพันธุ์ไม้ที่พบมากและกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญของสก็อตแลนด์ (the Highlands) เพราะเนินเขาสูงในสก็อตแลนด์มีดินชื้นและเป็นกรดที่เหมาะกับต้นเฮ็ทเธอร์
จึงเห็นขึ้นทั่วไปในธรรมชาติบนเส้นทางทุกสายที่ออกนอกเมืองในสก็อตแลนด์. มีหลายร้อยชนิดและหลายสี ทั้งดอกและใบ สีชมพูอมม่วงคุ้นตามากที่สุด. ทนทานต่ออากาศหนาว
ทั้งยังส่งกลิ่นหอมระรวยอบอวลไปทั่วทั้งสก็อตแลนด์.
เนินเขาในหมู่บ้าน
Gailoch
(North-West of Scotland Highlands).
ทำให้นึกถึงฉากหลังของนวนิยายเรื่อง
Wuthering
Heights (1847) ของ Emily Brontë.
สวนใดที่มีลักษณะพื้นดินและอากาศเหมาะสม
ก็ทำสวนเฮ็ทเธอร์โดยเฉพาะได้ เช่นจัดปลูกเป็นพุ่ม หรือเหมือนเนินเตี้ยๆ. ชานเมือง Perth ที่เป็นเมืองหน้าด่านเข้าสู่สก็อตแลนด์ มี Bell’s Cherrybank Gardens เป็นสวนเฮ็ทเธอร์ เรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์รวมเฮ็ทเธอร์ทุกชนิดทุกสี เป็น Natonal Heather Centre ที่น่าทึ่งที่สุด. (ทราบมาว่า
ในสองสามปีหลังมานี้ สวนถูกปิด เพราะขาดงบประมาณดูแล น่าเสียดายยิ่งนัก).
ภาพจากสวน Bell’s Cherrybank Garden เมือง Perth (UK)
Screen ฉากกั้น. ในบริบทของสวน สิ่งที่ทำหน้าที่ของฉากอาจเป็น
๑. แนวต้นไม้ที่ปลูกเป็นหน้ากระดาน ให้ทำหน้าที่ของฉากกั้น
กำบังหรือเป็นกันชนลดความรุนแรงของลมหรือฝนเป็นต้น
๒.
แผ่นเหล็กดัดมีลวดลายสวยงามที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของรั้ว. ความที่แผ่นเหล็กดัดนั้นโปร่ง
ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพนอกรั้วได้. รั้วเหล็กดัดแบบนี้ใช้กั้นทางเดินหรือถนนได้.
Sculpture garden
สวนประติมากรรม อาจเป็นสวนส่วนตัวหรือสวนสาธารณะ เป็นที่รวม ที่ตั้งโชว์ประติมากรรมในจำนวนมากพอ
(หากมีรูปปั้นเพียงหนึ่งหรือสองรูป ก็ไม่น่าเรียกว่าสวนประติมากรรม).
สวนประติมากรรมที่แท้จริง (pure
sculpture garden) คือทั้งสวนและประติมากรรมที่นำไปประดับในสวน
ถูกออกแบบขึ้นมาด้วยกัน
โดยที่ประติมากรรมแต่ละชิ้นและสวนแต่ละมุมเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันในมโนสำนึกของผู้เนรมิต. ในทางปฏิบัติ สถาปนิกสวนกับประติมากรทำงานประสานกัน
หรือถ้าสถาปนิกสวนเป็นประติมากรเอง หรือประติมากรเป็นสถาปนิกสวนด้วยก็ยิ่งวิเศษ.
กระบวนการสร้างสรรค์สวนโดยทั่วไป ผู้ออกแบบสวนเป็นคนคิดแบบ วางแปลนอย่างละเอียดของพื้นที่
เสร็จแล้วจึงหาประติมากรรมมาวางตั้งประดับตามจุดนั้นจุดนี้ในสวน. ในทำนองเดียวกับการสร้างสวนดอกไม้
จะหาต้นไม้ จัดแปลงดอกไม้ประดับตามแบบแปลนที่คิดไว้ก่อนแล้ว หรือหากมีสวนอยู่แล้วก็หาประติมากรรมมาประดับทีหลังทีละชิ้น.
ในกรณีที่มีประติมากรรมประดับสวนนั้นจำนวนมากพอ ก็อาจเรียกสวนนั้นว่า
สวนประติมากรรม.
เพราะฉะนั้นสวนอิตาเลียนและสวนฝรั่งเศสส่วนใหญ่ อาจเรียกว่าสวนประติมากรรมได้
เพราะมีจำนวนประติมากรรมประดับมากเสมอ.
ในทางกลับกัน
หากมีประติมากรรมสะสมไว้ก่อนแล้วจำนวนหนึ่ง แล้วมองหาพื้นที่สำหรับสร้างสวนเพื่อจัดวางประติมากรรมที่มีอยู่
ให้ดูเด่นและมีค่าขึ้นอีกในบริบทที่เหมาะกับประติมากรรมแต่ละชิ้น
ก็อาจทำได้เช่นกัน.
สวนประติมากรรมที่แท้จริงตามความหมายที่กล่าวมา มีตัวอย่างหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาหรือในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย
โดยเฉพาะสวนประติมากรรม Vigeland installation ใน Frogner
Park ที่กรุงออสโลประเทศนอร์เวย์. เป็นที่รวมประติมากรรมกว่า
200 ชิ้นจากศิลปินคนเดียว
ทั้งหมดเป็นผลงานของ Gustav
Vigeland (1869-1943) ระหว่างปี1924-1943. รูปปั้นคนในทุกอิริยาบถ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกอารมณ์ ทุกอาชีพ ทุกสถานะสังคม, สลักจากหินแกรนิต บ้างเป็นทองสัมฤทธิ์และรูปปั้นเหล็กหล่อ แต่รูปปั้นหินแกรนิตมีจำนวนมากที่สุด. Frogner Park (Norwegian: Frognerparken) ตั้งอยู่ในกรุงออสโล นอร์เวย์. เป็น Park แห่งแรกของนอร์เวย์
มีกฎหมายคุ้มครองในฐานะเป็นมรดกของชาติออกมาในปี 2009 (Heritage Act, 13 February 2009).
ภาพมุมสูงของสวน Frogner Park ประติมากรรมกว่าสองร้อยชิ้นติดตั้งบนสองข้างสะพานและบนทางเดินสายกลางของพื้นที่
เรื่อยไปจนถึงบริเวณพื้นที่วงรีใหญ่ ตรงนั้นเป็นที่ตั้งของประติมากรรมชิ้นสำคัญที่สุด ตั้งโดดเด่น
สูงเหมือนเสาปิรามิด (อยู่ตอนบนในภาพ). ภาพนี้ระบุลิขสิทธิ์ไว้ดังนี้
By
Copyrightholder: Byarkivet, Oslo commune, 1965. (Digitalt Museum) [CC BY-SA
3.0], via Wikimedia Commons.
พื้นที่ตั้งของประติมากรรม
The
Monolith เสาสูงเหมือนปิรามิดที่ดูเหมือนจะสรุปความคิดและผลงานของ
Gustav Vigeland ที่ข้าพเจ้าเข้าใจว่า
ในความหลากหลายของคนทุกแบบ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกสถานะ
ทั้งหมดคือสิ่งเดียวกัน เกาะแน่นเป็นเนื้อหาเดียวกัน
เป็นธรรมชาติเหมือนกัน คือความเป็นคนเหมือนกัน. ภาพของ Andrew Shiva, 9 June 2016.
Public domain. via Wikimedia Commons.
ในอังกฤษสมัยหลังๆมานี้ มีการคิดสร้างสรรค์สวนประติมากรรมเช่นกัน
โดยเฉพาะหลังจากที่ Henry
Moore เนรมิตสวนประติมากรรมขึ้นในบริเวณพื้นที่พักอาศัยและพื้นที่ทำงานของเขา
ที่ปัจจุบันคือที่ตั้งของ Henri
Moore Foundation ที่ Perry Green.
Henry Moore สนใจศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติ
และระหว่างประติมากรรมกับสถานที่ที่จัดตั้งประติมากรรม. เขาเน้นความสำคัญของประติมากรรมในกลางแจ้ง
ให้ประติมากรรมเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และยังเน้นว่า ต้องให้ผู้ดูแตะต้องประติมากรรมได้
ลูบคลำได้. ภรรยาของเขาเป็นผู้ออกแบบสวนเอง(มีผู้ช่วย)
ทั้งสองในที่สุดได้สร้างสวนประติมากรรมที่เป็นไปตามวิสัยทัศน์และอุดมการณ์ของเขาอย่างสมบูรณ์ที่สุด
และได้เป็นแบบอย่างสำหรับสวนประติมากรรมในยุคต่อๆมา. สวนประติมากรรมกลางแจ้งที่ Hakone [ฮะโกะเนะ] ในญี่ปุ่น
สร้างขึ้นตามอุดมการณ์ดังกล่าวของ Henry Moore และได้ความร่วมมือจากสถาบัน
Henry Moore
Foundation ด้วย. สนใจตามไปชมสวนประติมากรรมของ
Henry Moore ที่ Perry
Green ในอังกฤษ ตามลิงค์ที่ให้นี้.
กลุ่มประติมากรรมในสวนเป็นวิธีกระตุ้นความตระหนักรู้แก่สังคมเกี่ยวกับเรื่องหนึ่งอย่างได้ผลดีพอสมควร
โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก. การไปตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ
เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกรุ่นทุกวัย ทุกกลุ่มสถานะสังคม ได้เห็นใกล้ๆและปล่อยจิตสำนึกสัมผัสสิ่งที่ศิลปินต้องการสื่อ. เช่น กลุ่มประติมากรรมคนหยุดอยู่บนบันได (หรือลงบันได) ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ความทรงจำแก้ผู้ตกเป็นเหยื่อของระบอบคอมมูนิสต์ (Czech: Pomník obětem komunismu) ระหว่างปี 1948-1989. เจาะจงไว้ด้วยว่า ไม่เพียงแต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับระบอบการปกครอง ผู้ที่ถูกกักขัง
ทรมานหรือฆ่าทิ้งไปเป็นจำนวนมาก ยังรวมถึงผู้ที่ชีวิตและโดยเฉพาะจิตวิญญาณ ถูกทำลายไปกับการปกครองเผด็จการเบ็ดเสร็จ.
ให้สังเกตว่ารูปปั้นเหล็กแต่ละรูป มีอะไรขาดๆโหว่ๆตามตัว
เหมือนชีวิตจิตใจที่ไม่สมบูรณ์ ถูกกัดกร่อนให้เป็นเศษมนุษย์ เป็นต้น
หินจารึก
บอกจุดหมายของกลุ่มประติมากรรมนี้
เส้นลากกึ่งกลางบันไดตลอดความสูงของบันไดนั้น บอกจำนวนประชาชนผู้ถูกกระทบจากระบอบคอมนูนิสต์. กลุ่มประติมากรรมนี้สร้างขึ้นในปี
2002 ด้วยความร่วมมือของกรุงปร้าก เทศบาลนครปร้ากและสมาพันธ์นักโทษทางการเมือง. เป็นผลงานของสถาปนิก
Zdenek
Holzel และ Jan Kerel กับ Olbram Zoubek ศิลปินช่างแกะสลัก. กลุ่มประติมากรรมนี้ตั้งอยู่ในสวนปลายเนินเขา Petřín hill, Újezd street ในเขต Malá Strana, กรุงปร้าก
สาธารณรัฐเช้ค.
Seat ในบริบทของสวน
มีความหมายได้หลายอย่างดังนี้
๑. หมายถึง คฤหาสน์
หรือตำหนักต้นตระกูลของตระกูลหนึ่ง. ความหมายนี้ใช้แพร่หลายในระหว่างศตวรรษที่17-19.
๒. หมายถึงที่นั่งในสวนที่มีพนักพิงหลัง
อาจทำจากวัสดุต่างๆเช่นไม้ หิน หรือเหล็กดัดเป็นต้น. ในระหว่างศตวรรษที่18-19 นั้น
คนพิถีพิถันในการเลือกแบบที่นั่งในสวน พอๆกับการเลือกซื้อเครื่องเรือนสำหรับใช้ภายในบ้าน. ยุคนั้นจึงมีงานโชว์สินค้าเก้าอี้
ที่นั่งแบบต่างๆในสวนเสมอ.
หนังสือที่เหลือตกทอดมา ทำให้เราได้รู้ได้เห็นที่นั่งแบบแปลกๆใหม่ๆ เช่นแบบจีน
แบบชนบท (rustic)
เป็นต้น
๓. หมายถึงที่นั่งพร้อมหลังคา โดยมีด้านหลังปิด
คือที่นั่งใน alcove.
๔. หมายถึงอาคารที่มีหลังคาขนาดเล็ก
แต่ไม่มีที่นั่งภายใน (แบบเพิงหลบฝนของไทย)
ในความหมายนี้ไม่พบเห็นกันบ่อยนักแล้วในสวนตะวันตกปัจจุบัน.
ชมตัวอย่างที่นั่งและเลือกที่นั่งที่ชอบในภูมิทัศน์หรือบริบทแวดล้อมต่างๆข้างล่างนี้
ภาพสวน Queen Elizabeth garden อยู่ไม่ไกลจากมหาวิหาร Salisbury Cathedral มองเห็นหอระฆังกอติคและยอดแหลม พุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า. นัยศาสนาคือ เทียบกับจิตวิญญาณที่มุ่งสู่พระเจ้าอย่างไม่ย่อท้อ. สร้างขึ้นในปี1220 เป็นแบบอย่างสถาปัตยกรรมกอติคในอังกฤษ. มหาวิหารนี้ มีอาคารที่ประชุมคณะสงฆ์ (chapter house) ทรงแปดเหลี่ยม
ประดับด้วยประติมากรรมจำหลักนูนตลอดทั้งกำแพงเหนือที่นั่งของนักบวช. และเป็นที่เก็บเอกสาร Magna Carta ฉบับดั้งเดิมที่บัญญัติขึ้นในปี 1215. Magna
Carta คือธรรมนูญที่พระเจ้าแผ่นดิน
(ตอนนั้นคือ King John) ลงนามรับรองสิทธิและผลประโยชน์ที่ประชาชนควรจะได้รับอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามหลักการพื้นฐานที่ว่าทุกคนต้องอยู่ใต้กฎหมายไม่เว้นพระเจ้าแผ่นดิน. ธรรมนูญนี้จึงรับรองสิทธิของเอกบุคคล
สิทธิของการรับความยุติธรรม สิทธิของการรับการตัดสินคดีความอย่างยุติธรรม. ธรรมนูญนี้เป็นตราสารฉบับแรกในประวัติศาสตร์อังกฤษที่บังคับพระเจ้าแผ่นดินให้อยู่ใต้กฎหมาย
ยุติการใช้อำนาจปกครองประเทศโดยไม่เคารพกฎหมาย. แต่ในความเป็นจริง
ยังต้องคอยอีกนานกว่าจะถึงมาตรฐานกษัตริย์ประชาธิปไตย. น้ำหนักของ“ความเป็นเจ้า”(และความหลงใหลในความอลังการของขนบธรรมเนียมประเพณีเก่าๆ)
ยังหนักทับจิตสำนึกของชาวอังกฤษอยู่มาก รวมไปถึงการอ้างว่า“ความเป็นราชวงศ์อังกฤษ”
เป็นจุดขายในธุรกิจการค้าประเภทต่างๆ รวมถึงการท่องเที่ยวด้วย.
ภาพนี้จากอุทยาน Chatsworth House (Derbyshire,
UK) สร้างในปี 1553 แล้วเสร็จในทศวรรษที่ 1560.
สวนหน้าอาคารโรงละครดนตรี
(Festspielhaus
หรือ Musical theatre) ริมฝั่งทะเลสาบ Forggensee ชานเมือง Füssen เยอรมนี. จากที่นั่น
มองไปยังเทือกเขาฝั่งตรงข้าม ในหมู่ป่าไม้ จะเห็นปราสาท Neuschwanstein และ Hohehschwangau.
สวนอิตาเลียนที่ Trentham Leisure
(Stoke-on-Trent, Stafforddhire, UK) ที่ Sir Charles Barry ออกแบบไว้ในปี
1840. ฟื้นฟูขึ้นใหม่และเปิดเป็นสวนสาธารณะในปี 2004. รวม“สวนหญ้า”จากการออกแบบของ Piet Oudolf สถาปนิกสวนชาวดัตช์. ที่นั่นจึงมีแบบสวนสองสามแบบที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงอย่างน่าสนใจมาก.
สองภาพนี้มีที่นั่งเชิญชวนให้หยุดพัก จากอุทยานปราสาท
Blair
Castle
อุทยานรอบมหาวิหารที่เมือง
Melk ออสเตรีย. มีสวนต้นไลม์ร่มรื่นมาก (lime
หรือ linden)
เป็นต้นไลม์ที่มีอายุมาก เหมือนคนแก่ที่ต้องถนอมดูแล และที่นั่นเขาก็ดูแลต้นไม้อย่างสุดหัวใจเหมือนกัน.
ต้นไม้ใบงามนี้
เป็นต้นไม้สายพันธุ์ญี่ปุ่นชื่อ Cercidiphyluum Japonica
ปลูกขึ้นงามในเยอรมนี. เมื่อใบเปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงนั้น
สะดุดตาดังในภาพ.
ต้นตั้งโดดเด่นบนสนามวงกลม. ภาพนี้เป็นมุมหนึ่งในสวนจีนที่
Luisenpark
เมือง Mannheim เยอรมนี.
สวนสาธารณะเล็กๆในเมือง
Appenzell
สวิตเซอแลนด์ รอบๆสวนนี้เป็นบ้านที่อยู่อาศัยของชาวเมือง. สวนมีไว้เพื่อทุกคน.
สิ่งก่อสร้างเหมือนรั้วเตี้ยๆล้อมรอบต้นไม้
ทำอย่างมีศิลป์ จำหลักรูปลักษณ์ที่มีทั้งหัวคน หัวมาร ฯลฯ ในบริเวณสวนข้างวิหาร York Minster ที่เมือง York (UK). ใช้เป็นที่นั่งพักได้.
ที่นั่งหินทรงโค้ง
ติดกำแพง ในสวนมุมหนึ่งที่ Charlottenhof (Potsdam,
Germany)
ประติมากรรมเก้าอี้สองตัวเผชิญหน้ากัน
กำกับไว้ว่า Hafis-Goethe Denkmal ที่เมือง Weimar เยอรมนี. Hafis (หรือ Hafez) เป็นนามปากกาของกวีเปอเชียผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด
มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 13). Johann Wolfgang von Goethe เป็นนักเขียนและรัฐบุรุษคนสำคัญยิ่งคนหนึ่งในประวัติศาสตร์เยอรมัน
(1749-1832). เก้าอี้สองตัวสำหรับสองปราชญ์ที่สืบทอดวรรณศิลป์ในโลก.
Secret garden สวนลับเฉพาะ เป็นมุมสวนขนาดเล็ก
เป็นที่นัดพบ ห่างไกลจากสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนอื่น (วิลลาอิตาเลียนสมัยก่อน ชอบให้มีมุมสวนลับๆ เรียกในภาษาอิตาเลียนว่า giardino segreto ปัจจุบันวิลลาใดที่เคยมี มักเสื่อมโทรมและถูกปิดไป)
Serpentine
มาจากคำละติน serpens ที่แปลว่า เลื้อยหรือคลาน. มีคำคุณศัพท์ว่า serpentius และฝรั่งเศสรับมาใช้ในศตวรรษที่12 เป็นคำ serpentine ในความหมายว่า ที่มีรูปร่างหรือการเคลื่อนไหวเหมือนงู.
ในบริบทของสวนที่ใช้กันทั่วไปในยุโรป หมายถึงรูปลักษณ์เลื้อยวนไปมาเหมือนรอยบนดินเมื่องูเลื้อยผ่านไป. ลายเส้นลูกคลื่นดังกล่าวถือกันว่าสวยน่าชมกว่าเส้นตรง.
ทางเดินในสวนจึงเลียนแบบแนวคลื่นตั้งแต่ปลายศตวรรษที่17 เป็นต้นมา.
ในสวนลาบีรินต์บางแห่งก็ใช้เส้นโค้งวนแบบนี้ (ตัวอย่างที่อุทยาน Longleat, หรือที่ Wray wood ในพื้นที่อุทยาน Castle Howard (Yorkshire, UK). ห้วงน้ำผืนยาวหากเป็นแนวตรง ก็อาจขุดชายฝั่งให้เป็นแนวโค้งวนไปวนมาขึ้นแทน. ดูตัวอย่างห้วงน้ำ The Serpentine (1731) ในสวน Hyde Park and Kensington Gardens ที่กรุงลอนดอน
ใช้รูปลักษณ์มาเป็นชื่อเรียกห้วงน้ำเลย. แนวเส้นของชายฝั่งที่เป็นเหมือนระลอกคลื่นแบบนี้
กลายเป็นแบบประดับแบบหนึ่งในศิลปะ rococo.
การสร้างแปลงดินและทางเดินในสวนในแบบของ“ตีนห่าน”(ดูที่คำ patte d’oie)
ก็ถือว่าเป็นแบบที่พัฒนาขึ้นจากแนวคิดเรื่องเส้นโค้งเส้นคลื่นด้วย.
ห้วงน้ำของทะเลสาบผืนใหญ่
The
Serpentine ในสวน Hyde Park and Kensington Gardens
ที่กรุงลอนดอน.
สถาปนิกสวนที่ Stourhead (Wiltshire, UK) แกะสลักชายฝั่งทะเลสาบผืนใหญ่ที่เขาให้สร้างขึ้น
เจาะจงชายฝั่งโค้งๆเว้าๆ. Henry Hoare II เป็นผู้ออกแบบทะเลสาบและสวน และใช้เวลาสร้างนานมากระหว่างปี
1741-1780.
Set หมายถึงต้นอ่อน หน่ออ่อน
ที่พร้อมปลูกและเติบโตได้เร็ว จะย้ายไปปลูกที่ใดก็สะดวก.
บางทีก็นิยมนำต้นอ่อนพวกนี้ไปปลูกในแนวดินแถบยาวที่เตรียมไว้ทำรั้วต้นไม้ เรียกว่า
quick-set hedge จะได้รั้วต้นไม้ในเวลารวดเร็ว.
Shading
เป็นแนวการปลูกดอกไม้ต่างสี ปลูกด้วยกันในแปลงเดียวกัน
โดยที่ดอกไม้แต่ละชนิดแต่ละสีนั้นบานไม่ตรงกัน. เมื่อดอกไม้สีหนึ่งผลิและบาน
ก่อนที่มันจะร่วงโรยหมด ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งอีกสีหนึ่งเริ่มมีดอกตูมสีอ่อนๆและบานเต็มที่เมื่อดอกไม้ที่บานก่อนร่วงโรยลง. แน่นอนว่า การเลือกปลูกดอกไม้สลับสีแบบนี้ต้องรู้จักเวลาบานเวลาโรยของดอกไม้แต่ละชนิดที่นำไปปลูก
เช่นนี้จะได้แปลงดอกไม้ที่มีดอกไม้บานสีหนึ่งสีใดอยู่เสมอ
และการเปลี่ยนสีจากสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง ก็เป็นไปอย่างนุ่มนวล คือสีหนึ่งค่อยๆเลือนหายไป
อีกสีหนึ่งก็แผ่กระจายความสดใสของมันอย่างเงียบๆ.
Shadow house
ในศตวรรษที่ 16-17 ใช้เรียกเรือนพักร้อนหรืออาคารพักณสุดทางเดินหนึ่งในสวน.
ถ้าเป็นอาคารหลังใหญ่ มักเรียกเป็นเรือนรับรองสำหรับจัดงานเลี้ยงสังสันทน์ในฤดูร้อน
(เช่นเป็น banqueting
house ดูที่คำนี้).
Sham castle ปราสาทร้าง. เป็นอาคารที่เนรมิตขึ้นเพื่อประดับสวน
สร้างเลียนปราสาทเก่า เพื่อสื่อนัยของกาลเวลาที่ผ่านไป ความไม่ยั่งยืนของชีวิตและสรรพสิ่ง.
อาคารแบบนี้จึงเตือนสติคนเกี่ยวกับลาภ ยศ สรรเสริญ กิเลส ตัณหาแบบต่างๆ. อาคาร sham castle จึงอาจเป็นเพียงโครงสร้างภายนอกของปราสาทที่ย่อส่วนมาประดับสวน. ส่วนซากปรักหักพังในคำ Roman ruin นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมคลาซสิกที่จงใจทำให้เหมือนซากโบราณสถาน.
Shed
คือเพิงเก็บเครื่องมือเครื่องใช้ในสวน
(tool shed) หรือใช้เป็นที่เก็บท่อนซุงหรือกิ่งไม้สำหรับใช้ในเตาผิง
(wood shed) เป็นต้น. ดูตัวอย่าง potting shed ได้ในบล็อกนี้.
Shellwork
ตั้งแต่ยุคเรอแนสซ็องส์เป็นต้นมา
ฝรั่งเศสและอิตาเลียนใช้เปลือกหอยตกแต่งถ้ำ (grotto) ที่เนรมิตขึ้นประดับสวน. ความนิยมดังกล่าวแพร่เข้าสู่อังกฤษ เยอรมนี
และประเทศอื่นๆด้วย. นอกจากเปลือกหอย
ยังรวมถึงปะการัง หินแร่สีต่างๆและคริสตัล โดยเฉพาะอังกฤษได้อาศัยสิ่งเหล่านี้จากประเทศในอาณานิคมทั้งจากหมู่เกาะอินดีซตะวันออกและตะวันตก
และจากแอฟริกาตะวันตก. นอกจากถ้ำ
ยังอาจนำไปประดับกำแพงหรือผนังอาคารหรือห้องอาบน้ำแช่น้ำเป็นต้น.
การจัดเรียงเปลือกหอยหรือการตกแต่งห้องด้วยสิ่งเหล่านี้
มักเป็นงานของเหล่าผู้หญิงในบ้าน ตั้งแต่ท่านผู้หญิงเจ้าของบ้านลงไปถึงเหล่าสาวใช้.
เจ้านายสตรีใช้เวลาวันละหลายชั่วโมง จัดเรียงและติดเปลือกหอย.
ทำนองเดียวกับที่ยุคก่อนหน้านั้น เหล่าสตรีนั่งปัก เย็บถักหรือทออะไรวันละนานๆ. ถือเป็นกิจวัตรในชีวิตของเหล่ากุลสตรีทั้งหลาย. สนใจดูตัวอย่างเรื่องเปลือกหอยในการสร้างถ้ำของชาวตะวันตก เปิดไปที่ลิงค์นี้.
Shred
หมายถึงต้นไม้ที่ถูกตัดกิ่งข้างๆออก
เพื่อให้เกิดหน่ออ่อนขึ้นหลายๆหน่อ ที่จะเติบโตเป็นกิ่งใหม่ กิ่งใหญ่หรือลำต้นใหม่ที่แข็งแรงกว่า
ซึ่งเป็นประโยชน์มากกว่าปล่อยให้ต้นไม้แผ่กิ่งก้านเดิมๆให้ไกลๆออกไป.
Shrub(s)
พันธุ์ไม้ประดับเตี้ยๆ เตี้ยกว่าต้นไม้ มีแกนไม้ (woody stem) และมีลำต้นแตกออกหลายสาขาจากรากเดียวกัน. เมื่อหลายต้นมารวมกันเป็นพุ่มไม้ขนาดใหญ่
เรียกทั้งกลุ่มว่า
Shrubbery. พุ่มไม้ประดับสวนดูสวย บางทีน่าทึ่งและเป็นสิ่งดึงดูดสายตาได้. ไม้พุ่มหลายพันธุ์ที่นำมาปลูกปะปนกันเป็นพุ่มใหญ่
และที่ให้ดอกไม้ตามฤดูกาลแต่ละชนิดในเวลาต่างกัน ทำให้ได้พุ่มไม้ที่มีดอกหลายแบบหลายชนิดและในระยะเวลานาน. พุ่มไม้ดอกพวกนี้
มักปลูกไว้ใกล้ตัวอาคารที่อยู่ แต่ในระหว่างศตวรรษที่18
เกิดมีผู้คิดนำพุ่มไม้ประดับไปปลูกตามจุดตามมุมต่างๆในสวน
สร้างภูมิทัศน์สวนให้มีสีสันมากขึ้น แทนการปล่อยให้เป็นสีเขียวหรือสีน้ำตาลเพียงสีเดียวเท่านั้น. ในศตวรรษที่19
เมื่อการเพาะและแพร่พันธุ์ไม้ต่างๆเป็นไปอย่างได้ผล ยิ่งทำให้พุ่มไม้ประดับมีบทบาทเชิดหน้าชูตาสวนมากขึ้นด้วย.
Singerie [แซ็งเจอรี] เป็นคำฝรั่งเศส
มาจากคำ singe [แซ้งจฺ] ที่แปลว่า ลิง ในศตวรรษที่18 ลิงเป็นสิ่งประดับอาคารภายในแบบหนึ่ง
มักอยู่ในท่าชวนขันต่างๆ ทำให้ผู้ดูเกิดอารมณ์สนุกขบขัน.
Skating pond
สระน้ำ(ตื้นๆ)ที่เนรมิตขึ้นอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อการเล่นกีฬาสเก็ตน้ำแข็งในฤดูหนาว เมื่อน้ำในสระกลายเป็นน้ำแข็งทั่วทั้งสระ.
Slip garden
เป็นสวนตามแนวยาวและแคบ เหมือนทางเดินที่ทอดยาวแยกห้องออกสองข้าง.
Spanish (water) garden สวนสเปนพัฒนาจากแบบสวนอาหรับ
มีน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญ. สระน้ำใสประดับอยู่ทั่วไปทั้งสวน. พื้นสระบางทีเป็นหินอ่อน
หรือปูกระเบื้องเคลือบ หรือปูด้วยกรวดก้อนเล็กๆกลมๆ เช่นในพระราชวังอัลฮัมบระและเฆเนรัลลิเฟ่ (Alhambra &
Generalife) เมืองกราน่าดา (Granada) ในประเทศสเปน หรือสวนในพระราชวังท็อบกาปิ Topkapi ที่อิสตันบูลเป็นต้น. ภายในสวนได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลา
ให้ความสดชื่นและระรื่นหูยิ่งนัก
เมื่อเทียบกับสวนอิตาเลียนที่ก็มีสระน้ำและน้ำพุจำนวนมาก.
เสียงในสวนอิตาเลียนมักเป็นเสียงแบบน้ำตก เป็นเสียงของน้ำปริมาตรใหญ่และหนัก.
สถาปัตยกรรมที่สร้างเพื่อรองรับน้ำจำนวนมหาศาลจึงต้องใหญ่และสูงตระหง่าน
ตรงกับภาพลักษณ์ที่ชาวอิตาเลียนต้องการ
นั่นคือภาพลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ดังที่เคยมีในยุคจักรวรรดิโรมัน.
สวนสเปนมีขนาดพอเหมาะตามขนาดสัดส่วนของมนุษย์. ผู้ชมสวนไม่รู้สึกว่าถูกข่มให้เป็นเหมือนมดที่ไร้ความหมาย.
เป็นสวนที่สร้างเพื่อความสุขสบายของคนเดินดินอย่างแท้จริง. แม้ในอดีต สวนสเปนอาหรับนั้น
สร้างเพื่อกษัตริย์หรือเจ้าผู้ครองก็ตาม ยังพูดได้ว่า
พวกเขาเป็นเจ้าคนนายคนที่มิได้เหิมเกริมเทียบตนกับพระเจ้า ดังที่พระเจ้าหลุยส์เทียบตนเป็นสุริยะเทพ.
ภาพตัวอย่างเหล่านี้ จากห้องสวน
มุมต่างๆในอุทยาน Alhambra และ Generalife.
สนใจตามไปดูรายละเอียดและภาพสวนอาหรับ/อิสลามในสเปนและที่อื่นๆ ในบทความ มรดกล้ำค่าจากอิสลาม
ได้ในบล็อกนี้ >>
http://chotirosk.blogspot.com/2015/03/islam-heritage.html
Sparta เป็นเมืองที่เป็นรัฐอิสระในกรีซ. ตั้งแต่ศตวรรษที่ 5BC. ชนชั้นปกครองของเมือง
สนใจเรื่องยุทธวิธีการสงครามและการทูตมากกว่าการพัฒนาศิลปะหรือปรัชญา. ความมุ่งมั่นด้านการทหารได้ช่วยกรีซไว้มากในยุคที่ต้องป้องกันประเทศ
แต่ในขณะเดียวกันก็ลดความหวังของการรวมเอกภาพทางการเมืองที่กรีซเคยมีในยุคคลาซสิก จึงเปิดโอกาสให้ชาวโรมันเข้ายึดกรีซไปได้ในที่สุด.
Species
หมายถึงพันธุ์พืชแต่ละหมู่(หรือพันธุ์สิ่งมีชีวิต). ในหมู่หนึ่งรวมพันธุ์ที่มีลักษณะคล้ายๆกัน
ที่จะเพาะแพร่พันธุ์หรือสืบพันธุ์ได้ภายในหมู่เดียวกันเท่านั้น. การจัดพืชเป็นพันธุ์ๆหรือเป็นหมู่ๆนั้น จัดตามธรรมชาติการสืบพันธุ์หรือการแพร่พันธุ์ของมันเป็นสำคัญ.
Specimen tree
หมายถึงต้นไม้ที่มีคุณลักษณะเด่นพิเศษกว่าต้นไม้อื่นๆ. นำมาปลูกไว้เพื่อเชิดหน้าชูตาสวน
สร้างภาพลักษณ์โดดเด่นให้กับสวน เช่นต้นซีดาร์ (cedar) โดยเฉพาะหากต้นนั้นมีอายุยืนมาหลายร้อยปี. ต้นซีดาร์เป็นดาวดวงเด่นของสวนเสมอ.
ดูกิ่งก้านสาขาของต้นซีดาร์จากเลบานอน
(Cedrus
Linani) ที่อุทยาน Chaumont-sur-Loire (Loir-et-Cher,
France) ที่เป็นทั้งอุทยานประวัติศาสตร์
ศิลปะและสวนในที่เดียวกัน. สนซีดาร์เลบานอน
เป็นต้นไม้ประจำชาติของเลบานอน ที่ชาวยุโรปไปตัดไปโค่นมาสร้างอะไรต่ออะไร
จนเกือบหมดภูเขา. แต่ชาวยุโรปก็สนใจดูแลและหวงแหนต้นซีดาร์มาก
แต่ละต้นขึ้นงอกงาม มหึมา. ที่ใดมีต้นไม้นี้ประดับสวน
เป็นดาราของสวนนั้นทันที เขาเคลียพื้นที่เป็นสนามหญ้า
ให้ต้นซีดาร์เติบโตตามธรรมชาติของมันอย่างเต็มที่. ไม่ต้องมีไม้ดอกใดประดับ
สวนก็งามวิเศษแล้ว.
ภายในพื้นที่ของปราสาท Scone Palace (ใกล้เมือง Perth,
Scotland) ที่นั่นจัดป่าสนและตั้งชื่อป่าสนนั้นว่า
David Douglas
Pinetum
ตามชื่อนักพฤษศาสตร์ชาวสก็อต David
Duglas ผู้นำสนหลายพันธุ์จากทวีปอเมริกามาปลูกในยุโรปและสก็อตแลนด์ จึงใช้ชื่อของเขามาเรียกเจาะจงต้นไม้เพื่อเป็นเกียรติแก่เขาเช่น ต้นสน Douglas Fir. ต้นแรกที่เขานำมาปลูก(ปลูกด้วยเมล็ด)
ที่ Scone Palace ยังคงมีชีวิตอยู่ เป็นต้นไม้ยักษ์สูงมองไม่เห็นยอด (สูงมากกว่าแปดสิบเมตร).
นี่คือต้น Douglas Fir (ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pseudotsuga menziesii) ที่ปลูกจากเมล็ดสนที่ David Douglas ส่งมาจากแม่น้ำโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ในปี 1826. เนื่องในวาระครบรอบห้าสิบปีแห่งการครองราชย์ของสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบ็ธที่สองในปี 2002 ต้น David Douglas Fir ต้นนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในต้นไม้ห้าสิบต้น (Great British Trees) ที่เป็นมรดกของชาติ. ต้นนี้ยังมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้และจะอยู่อีกนานหลายชั่วคน เพราะรากมั่นคงแข็งแรง ค่อยๆเติบโตผ่านศตวรรษมาจากเมล็ดเพียงเมล็ดเดียว. สุดยอดความมหัศจรรย์ของชีวิต.
นี่คือต้น Douglas Fir (ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pseudotsuga menziesii) ที่ปลูกจากเมล็ดสนที่ David Douglas ส่งมาจากแม่น้ำโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ในปี 1826. เนื่องในวาระครบรอบห้าสิบปีแห่งการครองราชย์ของสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบ็ธที่สองในปี 2002 ต้น David Douglas Fir ต้นนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในต้นไม้ห้าสิบต้น (Great British Trees) ที่เป็นมรดกของชาติ. ต้นนี้ยังมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้และจะอยู่อีกนานหลายชั่วคน เพราะรากมั่นคงแข็งแรง ค่อยๆเติบโตผ่านศตวรรษมาจากเมล็ดเพียงเมล็ดเดียว. สุดยอดความมหัศจรรย์ของชีวิต.
ป่าสนต้น sequoia
(ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sequoia
sempervirens หรือรู้จักกันในนามสามัญว่า Californian
Redwood) ก็เป็นต้นไม้ที่นำเข้าจากรัฐแคลิฟอร์เนียไปปลูกในอุทยาน Scone Palce. ป่านี้ก็ขึ้นงดงาม เป็นส่วนหนึ่งของ
David Douglas Pinetum.
-----------------------------------
S-2
>> Sphinx, Spring, Square, Stabilisé,
Standard, Stank, Station, Statuary, Steps, Stewpond(fishpond), Stonework,
Stove, Strapwork, Stumpery, Sublime, Subtropical bedding, Sumer, Summerhouse, Sundial, Sunken garden,
Swiss garden.
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/06/s-2-sundial.html
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/06/s-2-sundial.html
เมนูหนังสือ
ประมวลความรู้จากศัพท์อุทยานศิลป์
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/06/mygardenbook-menu.html
Comments
Post a Comment