หมวดอักษร A
Abstract เป็นคำอธิบายพฤติกรรมของศิลปินเมื่อเนรมิตงานศิลป์.
เขาศึกษาพินิจพิจารณาโลกภายนอกที่รับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัส
เพื่อหยั่งลึกลงไปถึงระเบียบ ระบบหรือหลักการพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่สัมผัสได้
เหมือนเรามองเห็นดวงดาวต่างๆบนท้องฟ้าและมิได้คิดอะไรมาก
ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์มองดวงดาวและคิดไกลไปสำรวจระบบสุริยจักรวาลเป็นต้น. กฎเกณฑ์ของจักรวาลที่ตาคนธรรมดาสามัญมองไม่เห็นหรือคิดไปไม่ถึง ศิลปินเป็นผู้นำมาถ่ายทอดให้แก่เรา.
ในอีกมุมมองหนึ่ง หากเราสามารถเข้าถึงอุดมการณ์ของศิลปิน ที่ทำหน้าที่จูงมือจูงใจศิลปินให้ทำแบบนั้นแบบนี้ในงานสร้างสรรค์ของเขา ย่อมทำให้เราซาบซึ้งผลงานนั้นดียิ่งขึ้น. งานสร้างสรรค์ของคนหนึ่งก็อาจดลใจเราให้ต่อยอดประเด็นใดประเด็นหนึ่งของงานนั้น หรือเป็นจุดก้าวกระโดดสำหรับงานสร้างสรรค์ของเราเองได้เช่นกัน.
ในอีกมุมมองหนึ่ง หากเราสามารถเข้าถึงอุดมการณ์ของศิลปิน ที่ทำหน้าที่จูงมือจูงใจศิลปินให้ทำแบบนั้นแบบนี้ในงานสร้างสรรค์ของเขา ย่อมทำให้เราซาบซึ้งผลงานนั้นดียิ่งขึ้น. งานสร้างสรรค์ของคนหนึ่งก็อาจดลใจเราให้ต่อยอดประเด็นใดประเด็นหนึ่งของงานนั้น หรือเป็นจุดก้าวกระโดดสำหรับงานสร้างสรรค์ของเราเองได้เช่นกัน.
Abreuvoir [อาเบฺรอวัวรฺ] เป็นคำฝรั่งเศส
หมายถึงรางน้ำสำหรับสัตว์. บางทีใช้เป็นสิ่งประดับสวนอย่างหนึ่ง
โดยเฉพาะเมื่อมีฟาร์มเลี้ยงสัตว์ภายในพื้นที่อุทยาน.
สิ่งประดับแบบนี้เพื่อกระตุ้นจินตนาการไปถึงชีวิตชนบท
ชีวิตในแวดล้อมของธรรมชาติทั้งพืชพรรณและสัตว์. ตั้งแต่ที่พระนางมารี อ็องตัวแน๊ต (Marie-Antoinette, 1755-1793) ให้ทรงสร้างกระท่อมที่ประทับพักแรมตามแบบบ้านชาวนาในชนบท
(Le
Hameau de la Reine, 1783) บนพื้นที่ส่วนหนึ่งของพระราชวังแวร์ซายส์. รอบๆบ้านชาวนาของพระนาง ได้เนรมิตฟาร์มเลี้ยงสัตว์เช่นวัว
แกะ ไก่, ยังมีสวนครัว ทุ่งหญ้าและทุ่งดอกไม้. ในที่สุดเป็นพื้นที่รวมกระท่อมชนบทหลายหลัง กลายเป็นรูปแบบใหม่ของสวนที่ได้ดลใจให้ราชสำนักอื่นๆในยุโรป
จัดสร้างอุทยานชนบทในแบบเดียวกันด้วย. เช่นที่พระราชอุทยานในปราสาท Schloss Nymphenburg ที่เมืองมิวนิค, พระราชอุทยานในพระราชวัง Fredensborg ที่เมือง Copenhagen ประเทศเดนมาร์ค, หรือพระราชอุทยาน Linderhof ที่เมือง Ettal ประเทศเยอรมนี
และสวนอีกจำนวนมากในประเทศอังกฤษ. รางน้ำเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตชนบท ที่สตรีชาววังโดยเฉพาะคิดจินตนาการว่าสวยงาม
อิสระ โรแมนติก. แน่นอน ห่างไกลจากวิถีชีวิตจริงในชนบท ที่คือการทำงานไม่มีวันหยุด หน้าสู้ดิน
หลังสู้ฟ้า. ดูรายละเอียดเกี่ยวกับสวนชนบทของพระนางมารีอ็องตัวแน็ตได้ตามลิงค์ที่ให้นี้(เป็นภาษาฝรั่งเศส).
รางน้ำ (ตรงดอกจันสีแดง) ตั้งไว้ประดับสวน (มิได้เพื่อเลี้ยงสัตว์). มองไปไกลๆเห็นหอระฆังของวัด. พื้นสนามหญ้าในต้นฤดูร้อน ที่นั่นมีดอก bluebells สีน้ำเงินปนม่วงขึ้นเต็ม ดอก poppy สีแดง กับดอกทิวลิปสีเหลืองอ่อนๆ แทรกเข้าไปเหมือนขึ้นเองตามธรรมชาติหรือปล่อยให้ขึ้นเพียงไม่กี่ต้น
แต่จริงๆแล้วคนสวนเจตนาให้เป็นเช่นนั้น เพื่อสร้างสีสันที่ตัดกันให้งามตา ไม่น่าเบื่อ. จากมุมมองนี้
องค์ประกอบทั้งหมดรวมกันเป็นความงามแบบเรียบง่าย สร้างบรรยากาศของความสงบสุข
เหมือนเดินไปในทุ่งหญ้าชานเมือง. ภาพจาก Penhurst Place & Garden, Kent TN11 8DG, United
Kingdom.
Abreuvoir © Laurence Colzati Mai 2006 Alpes
From http://www.routard.com/photos/alpes/27374-abreuvoir.htm
Academy คำนี้ดั้งเดิมหมายถึงป่าต้นมะกอกที่อยู่ชานเมืองอาเธนส์. Plato (เพลโต มีชีวิตระหว่างปี 427-347 BC.) ไปตั้งสถาบันศึกษาวิชาปรัชญาขึ้นในป่าต้นมะกอกแห่งนั้น. ที่ตรงนั้นใช้เป็นสถานศึกษาต่อมาอีก 900 ปี (ดูที่ Plato Academy). คำ Academy นี้ปรากฏใช้ในหมู่นักปราชญ์เช่น Ptolemy ในอีจิปต์, จักรพรรดิ Carolus Magnus ก็ใช้คำนี้ด้วยในยุโรปภาคเหนือ รวมทั้งกลุ่มมุสลิมในสเปน ทุกประเทศใช้คำนี้ในความหมายของสถาบันการเรียนการสอน. ในยุคเรอแนสซ็องส์ที่เมืองฟลอเรนซ์ประเทศอิตาลี มีการสถาปนาสถาบัน Platonic Academy ที่หวนกลับไปยึดอุดมการณ์การเรียนการสอนของเพลโตในสมัยก่อน และกระชับความสัมพันธ์ของการศึกษาปรัชญากับสวน. จนถึงปัจจุบัน สถาบันศึกษาทั้งหลายยังคงเห็นความสำคัญของการมีสวนมีสนามหญ้าภายในรั้วสถาบัน.
รางน้ำหินเอามาใช้ปลูกต้นไม้ ให้บรรยากาศกันเองและผ่อนคลายในชนบท
ดังประดับที่หน้าโรงแรมในเมืองเล็กๆต่างจังหวัด ที่ Vézelay ประเทศฝรั่งเศส.
Academy คำนี้ดั้งเดิมหมายถึงป่าต้นมะกอกที่อยู่ชานเมืองอาเธนส์. Plato (เพลโต มีชีวิตระหว่างปี 427-347 BC.) ไปตั้งสถาบันศึกษาวิชาปรัชญาขึ้นในป่าต้นมะกอกแห่งนั้น. ที่ตรงนั้นใช้เป็นสถานศึกษาต่อมาอีก 900 ปี (ดูที่ Plato Academy). คำ Academy นี้ปรากฏใช้ในหมู่นักปราชญ์เช่น Ptolemy ในอีจิปต์, จักรพรรดิ Carolus Magnus ก็ใช้คำนี้ด้วยในยุโรปภาคเหนือ รวมทั้งกลุ่มมุสลิมในสเปน ทุกประเทศใช้คำนี้ในความหมายของสถาบันการเรียนการสอน. ในยุคเรอแนสซ็องส์ที่เมืองฟลอเรนซ์ประเทศอิตาลี มีการสถาปนาสถาบัน Platonic Academy ที่หวนกลับไปยึดอุดมการณ์การเรียนการสอนของเพลโตในสมัยก่อน และกระชับความสัมพันธ์ของการศึกษาปรัชญากับสวน. จนถึงปัจจุบัน สถาบันศึกษาทั้งหลายยังคงเห็นความสำคัญของการมีสวนมีสนามหญ้าภายในรั้วสถาบัน.
Adonis garden Adonis [อะโด๊นีส] เป็นชื่อเทพบุตรในตำนานกรีก. เทพ Adonis เป็นสัญลักษณ์ของการงอกเงยของพืชพรรณในแต่ละปี. ตำนานเล่าว่า วันหนึ่งมเหสีของพระเจ้า Cinyras กษัตริย์ชาวเกาะCyprian คุยโอ้อวดความสวยของลูกสาว (Smyrna) ว่าสวยกว่าเทวี Aphrodite มากนัก (Aphrodite เป็นชื่อกรีกของเทพสตรีโรมันที่เราคุ้นเคยในนามของ Venus). เทพท้าวเธอโกรธที่ถูกสบประมาท จึงดลใจให้ Smyrna ลุ่มหลงรักใคร่บิดาของนางเอง. Smyrna สั่งให้สาวใช้มอมเหล้าบิดาในค่ำคืนเดือนมืดคืนหนึ่งแล้วร่วมรักกับบิดาโดยที่บิดามิได้รู้สำนึกว่าเป็นลูกสาว. กว่าจะรู้เรื่องก็เมื่อ Smyrna ตั้งท้อง บิดาโกรธจัด คว้าดาบหมายจะฆ่าลูกสาว นางหนีออกจากวัง บิดาตามไปจนถึงตัว ง้าดาบจะฟาดฟันลง. ในวินาทีนั้น Aphrodite ฉุกคิดเสียใจว่าได้ทำเกินเหตุไปมาก รีบเปลี่ยนนาง Smyrna ให้เป็นต้น myrrh-tree (ต้นไม้ชนิดหนึ่งที่มียางหอม ใช้ทำเครื่องหอม ธูปหรือเป็นส่วนผสมในยารักษาโรค นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า ยางไม้นี้ช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศด้วย เป็นที่นิยมแพร่หลายในตะวันออกกลาง. หยดยางไม้นี้ มองกันว่าเป็นหยดน้ำตาของ Adonis). ดาบที่ฟันลงไปผ่าแยกต้นไม้ออกเป็นสองซีก และมีทารกชาย Adonis หล่นลงมา. Aphrodite คว้าเด็กทารกไปซ่อนไว้ในกล่องและนำไปฝาก Persephone ราชินีแห่งใต้พิภพ ขอให้ Persephone นำกล่องไปเก็บไว้ในที่มืด. Persephone อยากรู้ว่ามีอะไรในกล่อง จึงเปิดดูและเห็นทารก Adonis ผู้น่ารัก เลยนำไปเลี้ยงในวัง. ข่าวนี้ในที่สุดรู้ไปถึงหูของ Aphrodite. เทพท้าวเธอไม่รีรอ รีบไปทวงตัว Adonis คืน. Persephone ไม่ยอมคืนให้ เพราะตอนนั้น Adonis เติบใหญ่เป็นหนุ่มรูปงามและเป็นคนรักของ Persephone แล้ว. Aphrodite จึงไปฟ้องเทพบดี Zeus เทพบดีรู้อยู่ในใจว่า Aphrodite เองก็อยากได้ Adonis เป็นคนรัก จึงปฏิเสธไม่ตัดสินคดีให้ และส่งคดีต่อไปให้ศาลขั้นรองลงไปที่มีเทพธิดา Calliope เป็นประธาน. Calliope ตัดสินว่าทั้ง Aphrodite และ Persephone ต่างมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ Adonis เท่ากัน เพราะ Aphrodite เป็นผู้ช่วยให้ Adonis เกิดมา ส่วน Persephone ช่วย Adonis ออกจากกล่อง. Calliope ยังระบุว่า Adonis ควรจะมีเวลาของตนเองบ้าง ให้ห่างไกลจากอารมณ์รักใคร่ที่ไม่รู้จักพอของเทวีทั้งสอง. Calliope จึงกำหนดเวลารอบปีหนึ่งเป็นสามระยะเท่าๆกัน ให้ Adonis ไปอยู่กับ Aphrodite ในระยะที่หนึ่ง, อยู่กับ Persephone ในระยะที่สองและอยู่กับตนเองในระยะที่สาม.
อย่างไรก็ดี Aphrodite ยังคงคิดแค้น Persephone อยู่เสมอ และหว่านล้อมจน Adonis ยินยอมมอบระยะเวลาที่สามแก่เทพท้าวเธอ และไม่ยอมปล่อย Adonis ไปหา Persephone. เมื่อเป็นเช่นนี้ Persephone ไปหา Ares เทพแห่งสงครามผู้เป็นคนรักคนหนึ่งของ
Aphrodite และบอกให้รู้ว่า Aphrodite ไปลุ่มหลง Adonis ผู้เป็นเพียงปุถุชน
ทั้งยังอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิง. เช่นนี้ Ares เกิดอิจฉาขึ้นในใจ
จึงปลอมตนเป็นหมูป่าวิ่งกระโจนเข้าใส่ Adonis จนสิ้นใจต่อหน้าต่อตา Aphrodite. มีดอก Anemone (ไม้ดอกในสกุล Anemone ขึ้นทั่วไปตามป่าในยุโรป) โผล่ขึ้นจากพื้นบริเวณที่เลือดของ Adonis หยดลง. ส่วนวิญญาณลงไปอยู่ที่ Tartarus (มาจากคำกรีก Tartaros เป็นโลกที่อยู่ใต้นรก ต่อมาความหมายถูกกลืนไปใช้หมายถึงนรก) Aphrodite เศร้าเสียใจมากและไปอ้อนวอนต่อเทพบดี Zeus ว่า Adonis ไม่สมควรถูกขังอยู่ในโลกใต้พิภพ (กับ Persephone)
นานเกินครึ่งปีในช่วงอากาศหนาวและมืดมัว ควรถูกส่งกลับมาหาเทพท้าวเธอในระหว่างฤดูร้อน. ครั้งนี้ Zeus เห็นใจและสั่งให้เป็นไปตามนั้น. Aphrodite มีลูกกับ Adonis สองคนเป็นชายหนึ่งคน และเป็นหญิงหนึ่งคน.
ในซีเรีย
เอเชียตะวันออกกลางและในกรีซโบราณ เคยมีการกำหนดปีเป็นสามระยะ
มีแพะเป็นสัญลักษณ์ของระยะกลาง เป็นเวลาของเทวี Aphrodite. งูเป็นสัญลักษณ์ของระยะสุดท้าย
เป็นเวลาของเทวี Persephone และสิงโตเป็นสัญลักษณ์ของระยะแรก
เป็นช่วงเวลาของเทวี Smyrna ผู้เป็นแม่ของ Adonis. แต่เนื่องจาก Smyrna มิเคยทวงสิทธิ์ในตัว Adonis ต่อมาในกรีซโบราณจึงมีการแบ่งเวลาปีหนึ่งเป็นสองฤดูแทน.
การบูชาเทพ Adonis มีมานานแล้ว
เข้าใจว่าเป็นขนบที่ปฏิบัติกันในซีเรียยุคโบราณ. ชนหลายเผ่าหลายกลุ่มเคยเข้าไปยึดครองซีเรีย
เช่น ชาวอีจิปต์ ชาวอัสซีเรีย ชาวเปอเชีย ชาวกรีกเป็นต้น เช่นนี้ขนบการบวงสรวงเทพ Adonis จึงสืบทอดมากับอารยธรรมของชนชาติผู้เข้าไปยึดครองด้วย. ในกรีซศตวรรษที่ 6 ปรากฏว่ามีการบวงสรวงเทพคนนี้แล้ว สตรีชาวเมืองอาเธนส์ปลูกเมล็ดต้น fennel (ยี่หร่า), lettuce (ผักกาดหอม), wheat (ข้าวสาลี) และ barley (ข้าวบาร์เลย์) ในกระถางดินเผา นำไปบูชาเทพ
Adonis ณข้างนอกศาลเจ้าแล้วขับร้องเพลงโศกไว้อาลัย
Adonis. ไม่นานเมล็ดทั้งสี่ชนิดงอกเงย เติบโตและเหี่ยวเฉาลง เป็นวงจรชีวิตสั้นๆของธรรมชาติพืชผักและธัญพืชทั้งหลาย. ขนบชาวบ้านนี้ต้องการสื่อความงามของวัยหนุ่มที่ต้องจบชีวิตลงก่อนวัย
เหมือนชีวิตแสนสั้นของพืชผักหรือต้นข้าว.
ประเพณีการปลูกพืชสี่ชนิดดังกล่าวลงกระถางแบบนี้
เรียกว่า Adonis garden. เพลโตพูดถึง “สวนกระถาง ” แบบนี้บ่อยๆ
คำนี้ในที่สุดได้ผนวกนัยของสิ่งละอันพันละน้อยที่ให้ความสุขเพียงชั่วแล่น. หญิงชาวอาเธนส์นำกระถางต้นไม้ขึ้นประดับบนหลังคาบ้านที่พื้นราบแบนในช่วงเทศกาล. ต่อมาการจัดวางกระถางต้นไม้ได้ยืดต่อออกไปตลอดทั้งปี.
ชาวโรมันรับเอาขนบนี้ไปและนำกระถางต้นไม้ดอกประดับระเบียงและหลังคาตลอดทุกฤดูกาล.
การปลูกพืชพรรณในกระถางยังคงทำกันจนถึงปัจจุบันและทำกันทั่วไปในโลก. สวนกระถางนี้อาจทดแทนความอยากทำสวนหรือความอยากเห็นดอกไม้ใบไม้ใกล้มือ
ของผู้ที่ไม่มีที่ดินไม่มีสวนของตนเองหรือไม่มีเวลาลงมือทำสวนอย่างจริงจัง. ส่วนขนบเกี่ยวกับ
Adonis นั้นคงเหลือเป็นความทรงจำของคนยุคก่อนๆเท่านั้น. อย่างไรก็ดี เทพ Adonis
เป็นหนึ่งในแบบประติมากรรมยอดนิยมที่คนนำไปประดับสวน วิลลาและอุทยานต่างๆในยุโรป. ประติมากรรมเกี่ยวกับเทพ Adonis มักอยู่คู่กับเทวี Aphrodite
เสมอ.
ตัวอย่างกลุ่มประติมากรรมขนาดใหญ่ที่ประดับภายในราชอุทยาน Caserta (ในตอนใต้ของอิตาลี ตั้งอยู่ระหว่างกรุงโรมกับเมืองเนเปิล)
เป็นเนื้อเรื่องตอนที่ Adonis ออกไปล่าสัตว์และถูกหมูป่าจู่โจมทำร้ายจนตาย.
Caserta [กาแซ้รฺตะ] อยู่เหนือเมืองเนเปิล (Napoli) ประมาณ 40 กิโลเมตร ในมณฑล Campania ประเทศอิตาลี. ที่นั่นมีพระราชอุทยานขนาดใหญ่ชื่อว่า Reggia di Caserta [เร็จเจีย ดี กาแซ้รฺตะ] (ทางเข้าพระราชวังตั้งอยู่ที่ถนน Via Douhet 22). พระราชวังเดิมที่มีณที่นั่น สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 และปรับปรุงสร้างใหม่เกือบทั้งหมดตามโครงการของสถาปนิก Luigi Vanvitelli เพื่อให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระเจ้า
Carlo Borbone (หรือ Charles III แห่งราชวงศ์ Bourbon, 1734-1759) ว่าพระราชวังที่ยิ่งใหญ่พอๆกับพระราชวังแวรซายส์ในฝรั่งเศส
หรือต้องไม่น้อยหน้าพระราชวัง El
Escorial [เอ็ล เอซกอรียัล] ในประเทศสเปน. การก่อสร้างเริ่มในปี 1752 ในรัชสมัยของพระองค์และขยายกว้างออกไปในพื้นที่เนินเขาใกล้ๆด้วยในรัชสมัยของพระเจ้า
Ferdinand IV ผู้สืบราชสมบัติต่อ จนถึงปี 1773 เมื่อ Luigi
Vanvitelli สถาปนิกผู้คุมโครงการถึงแก่กรรม.
พระราชวังนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1997 ลำดับที่ 549 (มีพื้นที่ทั้งหมด 87 เฮกตาร์ หรือ 870 ตารางเมตร และเมื่อรวมอาณาบริเวณ San Leucio ทั้งหมดเข้าไป รวมพื้นที่ทั้งหมด 1110 ตารางเมตร). ภายในบริเวณสวนประกอบด้วยน้ำตกแบบต่างๆหลายแห่ง, สะพานส่งน้ำหรือ Aqueduct,
ทะเลสาบ, อาคารล่าสัตว์ และสวน
พร้อมบริเวณที่จัดเป็นสวนแบบอังกฤษด้วย นับเป็นหมู่สถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลีและในยุโรป.
Aphrodite พยายามรั้งตัว Adonis มิให้จากไปเพราะรู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับ
Adonis แต่ชะตากรรมทำให้ Adonis ดื้อดึง.
Persephone (สตรีที่นั่งหันหลัง) ไปยุให้ Ares (คนรักคนหนึ่งของ Aphrodite) อิจฉาริษยา และแปลงร่างเป็นหมูป่า (ให้สังเกตหมูป่าที่จำหลักอยู่ไม่ไกลจาก
Persephone) กระโจนเข้าทำร้าย Adonis จนเขาสิ้นใจต่อหน้าต่อตาของ Aphrodite. เมื่อ Adonis
ตายจึงต้องลงไปอยู่ในภพบาดาลกับ Persephone.
เมื่อมองจากด้านหลังของกลุ่มสถาปัตยกรรมนี้
จะเห็นแนวยาวตรงไปยังใจกลางของอาคารปราสาทที่เห็นตั้งขวางอยู่สุดทาง. จากมุมนี้ เห็นแกนหลักของพระราชอุทยาน
ซึ่งยาวถึง 3.2 กิโลเมตร.
มีป่าไม้ขึ้นสองข้างให้ความร่มรื่นและเป็นเส้นทางเดินสองข้างแกนสำคัญ. (ภาพนี้จากอินเตอเน็ตที่ http://en.wikipedia.org/wiki/File:Der_bourbonische_K%C3%B6nigspalast_in_Caserta.jpg พร้อมคำประกอบที่มาของภาพไว้ดังนี้ Fotograf oder Zeichner: Manuel Mauer. Datum :
15.08.2005).
เมื่อมองจากหน้าปราสาทก็จะเห็นห้วงน้ำเป็นแนวยาว
มีสนามหญ้าคั่นเป็นช่วงๆ ระหว่างกลุ่มประติมากรรมแต่ละกลุ่มบนเส้นแกนของสวนนี้. ที่เห็นเป็นแถบเกือบตั้งตรงทอดลงจากภูเขา
คือน้ำตกขนาดมหึมา.
Alcázar [อัลก๊ะซาร] เป็นคำอาหรับที่ใช้ในภาษาสเปน แปลว่า castle ในภาษาอังกฤษ. ปราสาทในความหมายดั้งเดิม มีป้อมปราการด้วย. ในประเทศสเปน มีหลายเมืองที่มี alcázar เพราะฉะนั้นเมื่อพูดถึงปราสาทในสเปน ต้องเจาะจงด้วยว่าเป็นปราสาทของเมืองไหน. ในภาษาสเปนใช้ว่า alcázar de + ชื่อเมือง เช่น alcázar de Sevilla [อัลก๊ะธารฺ เด เซวี๊ญา] เป็นต้น.
ภาพ Alcázar de Córdoba [อัลก๊ะธารฺ เด ก๊อรฺโดบา] หรือปราสาทเมือง Córdoba ดั้งเดิมเป็นป้อมเมืองแบบมุสลิมที่สร้างขึ้นในยุคกลาง ก่อนมาเป็นปราสาทที่เห็นในปัจจุบันเมื่อคริสต์ศาสนาเข้ายึดเมืองและขับไล่ชาวอาหรับมัวร์ออกจากสเปน. ชื่อปราสาทเน้นเรียกเจาะจงว่า Alcázar de los Reyes Católicos ในความหมายว่า ปราสาทของกษัตริย์คาทอลิก. มีพื้นที่ทั้งหมด 4.100 ตารางเมตร การบูรณะก่อสร้างที่ทำต่อมาเป็นไปตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรปกอติคและบาร็อค ถึงกระนั้นสวนภายในปราสาทนี้เป็นยังคงอนุรักษ์แผนผังสวนอาหรับไว้ ที่ประกอบด้วยสระน้ำหลายแบบหลายแห่งพร้อมน้ำพุ อาคารสรงน้ำ (Moorish bath)และสวนสมุนไพร รวมทั้งสวนต้นส้ม ต้นมะนาว และสวนไม้ดอกอื่นๆ.
สระน้ำพุ Fontana dell’Ovato (หรือ Oval Fountain) ที่แปลว่า สระน้ำพุวงรีที่วิลลา Villa d’Este [วิลลา เด้สเต้] (อยู่ที่เมือง Tivoli [ติ๊โวลี], Italy) ทำเวิ้งลึกเข้าไปในกำแพงด้านหลังของสระน้ำ ภายในมีท่อน้ำพุพุ่งอย่างสวยงามเป็นรูปพัด จึงเหมือนมีสิ่งประดับตั้งโชว์ในแอ่ง. วิลลานี้เป็นหนึ่งในสวนอิตาเลียนเรอแนสซ็องส์ที่มีชื่อเสียงที่สุด มีสระน้ำพุ 51 สระ น้ำตก 64 แห่ง อ่างน้ำ 220 แห่งฯลฯ เครือข่ายคลองและทางน้ำทั้งหมดในสวนอาศัยแรงโน้มถ่วงเท่านั้น โดยไม่ต้องใช้เครื่องปั๊มน้ำ.
Alcázar [อัลก๊ะซาร] เป็นคำอาหรับที่ใช้ในภาษาสเปน แปลว่า castle ในภาษาอังกฤษ. ปราสาทในความหมายดั้งเดิม มีป้อมปราการด้วย. ในประเทศสเปน มีหลายเมืองที่มี alcázar เพราะฉะนั้นเมื่อพูดถึงปราสาทในสเปน ต้องเจาะจงด้วยว่าเป็นปราสาทของเมืองไหน. ในภาษาสเปนใช้ว่า alcázar de + ชื่อเมือง เช่น alcázar de Sevilla [อัลก๊ะธารฺ เด เซวี๊ญา] เป็นต้น.
โดยทั่วไป ปราสาทในประเทศสเปน ส่วนใหญ่สร้างขึ้นในสมัยที่ชาวอาหรับมอริชหรือแขกมัวร์ (Moor) เข้าครอบครองดินแดนสเปน คือระหว่างศตวรรษที่ 8 ถึงศตวรรษที่ 15. พวกเขาสร้างสวนภายในปราสาทด้วยทุกแห่ง ตามค่านิยมและวิถีการครองชีวิตแบบอาหรับ. สวนสเปนภายในปราสาทจึงเป็นแบบสวนอาหรับ (ดูที่ Arabian garden). ปราสาทในสเปนนั้นเป็นที่อยู่ที่น่าอภิรมย์ยิ่งนัก เมื่อชาวอาหรับถูกขับไล่ออกจากประเทศสเปนหมดแล้ว กษัตริย์คาทอลิกผู้ครองสเปนต่อๆมา ก็มิได้ทำลายอาคารสถาปัตยกรรมอาหรับ และใช้เป็นพระราชวังและตั้งราชสำนักที่นั่นตลอดมามิได้ขาดระยะ. เจ้าผู้ครองแต่ละคนอาจสร้างอาคารใหม่ๆเพิ่มเข้าไปภายในบริเวณปราสาทด้วย ทำให้ปราสาทในสเปนมีเอกลักษณ์ทั้งแบบอาหรับดั้งเดิมและแบบสถาปัตยกรรมยุโรป. สุเหร่าอาหรับก็เช่นกัน แม้ได้ยกเลิกกิจกรรมศาสนาตามขนบอิสลาม ก็หาได้ทำลายสถาปัตยกรรมสุเหร่าแต่อย่างใด
ส่วนที่เสริมเข้าไปทีหลังเพื่อเชิดชูคริสต์ศาสนาและประกอบกิจการศาสนาก็ดูแทรกเข้าไปได้อย่างเหมาะเจาะ เช่นที่มหาวิหารเมือง Córdoba [ก๊อรฺโดบา]. โชคดีมากที่กษัตริย์ทุกพระองค์รู้คุณค่าของสถาปัตยกรรมอาหรับ ทำนุบำรุงและอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมที่มีบนดินแดนสเปน ให้โอกาสแก่ชาวโลกไปชมความสวยงาม ความยิ่งใหญ่และอัจฉริยภาพของชาวอาหรับในยุคนั้น.
ทางเดินบนกำแพงที่ล้อมรอบปราสาทเมือง Córdoba [ก๊อรฺโดบา] ประเทศสเปน
Alcove พื้นที่ลักษณะเป็นเวิ้งลึกเข้าไปในกำแพงที่อาจเป็นกำแพงหินหรืออิฐ หรือกำแพงต้นไม้หนาทึบ (ดูที่คำ hedge) เวิ้งนี้ไม่ลึกมาก แต่พอๆกับขนาดความหนาของกำแพง ถ้าเป็นกำแพงหินหรือก่ออิฐ มีหลังคาก่อครอบพื้นที่ภายในให้นั่งหลบฝนได้เป็นต้น. ถ้าเป็นกำแพงต้นไม้ก็ตัดต้นไม้ตรงนั้นให้เป็นซุ้มเหมือนหลังคา. ส่วนใหญ่มักจัดที่นั่งไว้ภายใน ให้คนเข้าไปนั่งพักผ่อนหลบแดดหรือฝน จึงเป็นพื้นที่ใช้สอยได้จริงและเป็นอาคารประดับสวนแบบหนึ่ง. (ดูคำว่า Niche ประกอบด้วย ซึ่งเป็นซุ้มคล้ายๆกันแต่ใช้เป็นที่ตั้งของรูปปั้นหรือสิ่งประดับแบบใดแบบหนึ่ง ไม่มีที่ให้นั่ง). สถาปัตยกรรมน้ำพุขนาดใหญ่ อาจทำ Alcove ไว้ให้เป็นเหมือนฉาก มีน้ำพุเล็กภายใน.
ซุ้มหินก่อเป็นหลังโดดเด่นมุมหนึ่งในอุทยานภูมิทัศน์ Stowe [สโตวฺ] (Buckinghamshire ประเทศอังกฤษ). กำแพงภายในซุ้ม ปูด้วยกรวดก้อนเล็กๆทั้งหมด เป็นงานกรวดประดับแบบหนึ่ง - pebblework มีที่นั่งติดผนัง
ซุ้มขนาดเล็กพร้อมที่นั่งอีกแบบหนึ่งในหมู่ต้นไม้ที่ขึ้นหนาทึบโดยรอบ แบบเรียบง่าย ก่อด้วยหิน. ที่นั่งเป็นแผ่นไม้สร้างติดเข้าไปอย่างเหมาะเจาะ. จากอุทยาน Dyrham Park ที่เมือง Bath ประเทศอังกฤษ.
ซุ้มขนาดเล็กพร้อมที่นั่งอีกแบบหนึ่งในหมู่ต้นไม้ที่ขึ้นหนาทึบโดยรอบ แบบเรียบง่าย ก่อด้วยหิน. ที่นั่งเป็นแผ่นไม้สร้างติดเข้าไปอย่างเหมาะเจาะ. จากอุทยาน Dyrham Park ที่เมือง Bath ประเทศอังกฤษ.
ซุ้มนี้เป็นโครงเหล็กครึ่งวงกลมแทรกเข้าไปในกำแพงต้นไม้ ที่นั่งเป็นไม้แบบโค้งแทรกเข้าไป. จากพระราชอุทยาน Het Loo [เฮ็ตโล] ประเทศเนเธอร์แลนด์.
ซุ้มต้นไม้นี้ถูกดัดและตัดเล็มให้เป็นมุมนั่งพักใต้ร่มไม้ เป็นพุ่มหนาแน่น พักหลบแดดได้อย่างดี. จากสวน New Place บ้านพักแห่งสุดท้ายของมหากวี Shakespeare ที่เมือง Stratford-upon-Avon. บ้านหลังนี้ต่อมาตกเป็นบ้านของ Thomas Nash ผู้แต่งงานกับหลานสาวของมหากวี บางทีจึงเรียกกันว่า Nash’s House. ภายในบริเวณมีสวน Tudor Garden ที่สวยหลากสี และมีประติมากรรมสมัยใหม่ตั้งประดับสวน เป็นประติมากรรมเกี่ยวกับตัวละครตัวเด่นๆในงานเขียนของมหากวี.
สองภาพข้างบนนี้จากพระราชอุทยาน Hampton Court (Richmond, SW London ประเทศอังกฤษ) เป็นบริเวณสวนส่วนที่เรียกว่า Pond Garden มีพุ่มไม้ใหญ่ตัดเล็มอย่างเรียบร้อย และทำเป็นซุ้มต้นไม้หนาและลึกเข้าไป เป็นที่ตั้งโชว์รูปปั้นวีนัส. วีนัสในท่านี้เรียกว่าแบบ Venus of Medici คือเลียนแบบรูปปั้นวีนัสที่เนรมิตขึ้นในยุคของตระกูลเมดีชี (Casa di Medici, 14-18 c.) แห่งแคว้นฟลอเรนซ์และทัสคานา (Firenze e Toscana).
สระน้ำพุ Fontana dell’Ovato (หรือ Oval Fountain) ที่แปลว่า สระน้ำพุวงรีที่วิลลา Villa d’Este [วิลลา เด้สเต้] (อยู่ที่เมือง Tivoli [ติ๊โวลี], Italy) ทำเวิ้งลึกเข้าไปในกำแพงด้านหลังของสระน้ำ ภายในมีท่อน้ำพุพุ่งอย่างสวยงามเป็นรูปพัด จึงเหมือนมีสิ่งประดับตั้งโชว์ในแอ่ง. วิลลานี้เป็นหนึ่งในสวนอิตาเลียนเรอแนสซ็องส์ที่มีชื่อเสียงที่สุด มีสระน้ำพุ 51 สระ น้ำตก 64 แห่ง อ่างน้ำ 220 แห่งฯลฯ เครือข่ายคลองและทางน้ำทั้งหมดในสวนอาศัยแรงโน้มถ่วงเท่านั้น โดยไม่ต้องใช้เครื่องปั๊มน้ำ.
Allée [อัลเล่] คำนามฝรั่งเศส มาจากคำกริยาในภาษาละตินว่า ambulare-เดินไปรอบๆ. หมายถึง ทางเดินเล่น อาจเป็นถนนตัดตรงหรือทางเดินตรงภายในสวนที่มีต้นไม้ใหญ่ขนาบสองข้าง หรือมีแนวพุ่มไม้ (hedge) ปลูกติดๆกันไปสองข้างทางเดินและที่ตัดตอนบนราบเรียบสม่ำเสมอกันตลอดทั้งแนว. คำ allée ยังใช้เรียกทางเดินที่ขนานไปกับรั้วต้นไม้ด้วยเช่นกัน. พื้นอาจเป็นพื้นดิน พื้นกรวด พื้นทรายหรือพื้นหญ้าไปตลอดทาง มีความกว้างพอประมาณแต่ไม่เท่ากับถนนรถวิ่งในเมือง ปกติเส้นทางเดินแบบนี้ ไปสุดที่จุดชมทิวทัศน์ เปิดออกเป็นทิวทัศน์ใหม่อีกทิวทัศน์หนึ่ง หรือนำไปสู่ vista [วิซต้า] หนึ่ง หรือนำไปสู่ประติมากรรมสวนแบบใดแบบหนึ่ง หรือเป็นทางสู่ที่ตั้งอาคารในสวนหรืออุทยานอีกหลังหนึ่งเป็นต้น. แม้จะเป็นเพียงทางเดินภายในสวน เส้นทางเดินแบบนี้เพิ่มมิติความลึกและความกว้างใหญ่แก่ภูมิสถาปัตย์ของสวนนั้น.
ภาพจากสวน Giardino di Boboli
[จีอารฺดี๊โน ดี โบ๊โบลี] ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี. เป็นเส้นทางที่มีต้นไซเพรสสูงใหญ่ขนาบสองข้าง มีรูปปั้นประดับเป็นระยะๆสองข้าง. ทางนี้นำตรงไปสู่สวนที่จัดเป็นเกาะเล็กๆกลางน้ำ เปิดสู่บริเวณสวนแบบใหม่อีกแบบหนึ่ง.
ทางเดินที่เห็นขึ้นไปสู่ปีกหนึ่งของพระราชวังแวรซายส์ ประเทศฝรั่งเศส. สองข้างเป็นสระน้ำพุเล็กๆทรงกลม คั่นด้วยพุ่มไม้ที่ตัดเล็มเป็นทรงสามเหลี่ยมปิรามิดและเป็นทรงกลมประกอบกัน. ทางเดินนี้ตั้งชื่อเรียกไว้ว่า Allée d’Eau [อัลเล่ โด] (ทางเดินน้ำ). ภาพนี้ถ่ายจากสระมังกร (Bassin du Dragon) ที่อยู่ตอนล่างทางเดิน เมื่อขึ้นไปถึงข้างบนเป็นสระน้ำใหญ่เรียกว่าสระน้ำปิรามิด (Bassin de la Pyramide). การตัดรูปทรงพุ่มไม้จึงรับกับชื่อสระน้ำปิรามิด. ทางเดินน้ำนี้เชื่อมบริเวณสำคัญๆของพระราชอุทยานแวรซายส์อย่างสง่างาม.
และทางเดินเลียบสนามหญ้าดั่งพรมเขียวผืนยาวนี้ (Le Tapis vert)
ที่ตั้งชื่อไว้ว่า Allée royale หรือ ทางเดินหลวงที่แวร์ซายส์เช่นกัน.
ตัวอย่างทางเดินภายในสวนอังกฤษ พื้นสนามหญ้า นี่คือ The Long Allée, Hercules Garden, ที่ Blair Castle, Scotland.
Alley คือทางเดินภายในสวน ส่วนใหญ่ยาวมากกว่ากว้าง อาจทียบได้กับคำ “ซอย” อาจเป็นทางเดินในหมู่พุ่มไม้เตี้ยๆก็ได้ คำนี้บางทีก็ใช้เรียกบริเวณเล่นเกมส์ โดยทั่วไปหมายถึงทางเดินที่กว้างน้อยกว่าทางเดินแบบ allée ข้างบน ถ้าจะเทียบกัน allée เป็นเส้นทางเดินเส้นสำคัญๆภายในสวนขนาดใหญ่ และ alley เป็นเส้นทางย่อยๆภายในสวนเล็กสวนหนึ่งในอุทยาน. Alley อาจเป็นทางหญ้าที่ตัดเตรียมไว้ให้เดินในพื้นที่ป่า หรือเป็นทางเดินระหว่างกำแพงต้นไม้ที่ตัดเรียบเสมอกันก็เป็น alley แบบหนึ่ง. สุดทางเดินเป็นที่ตั้งของสิ่งดึงดูดสายตา (ดูที่คำ eyecatcher) ตั้งล่อให้เดินไปดู. ถ้าทางเดินแคบมากก็เรียกเป็น close
walk.
ทางเดินภายในบริเวณสวนมุมหนึ่งของ Leeds Castle ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง Maidstone, Kent ประเทศอังกฤษ. ทางเดินพื้นสนามหญ้า สองข้างเป็นพุ่มไม้เตี้ยๆ ปลูกเป็นขอบของแปลงดอกไม้ เป็นตัวอย่างของทางเดินที่เรียกว่า alley.
ทางเดินปูแผ่นหินตัดเป็นแผ่นๆสี่เหลี่ยม นำไปสู่จุดดึงดูดสายตาสุดทางเดินนี้ ที่เห็นไกลๆเป็นรูปปั้นสีขาวๆ. ภาพนี้จาก Sissinghurst Castle Garden (ใกล้เมือง Cranbrook, Kent ประเทศอังกฤษ)
ภาพจากเมือง Granada [กฺราน่าดะ] ประเทศสเปน เป็นทางเดินภายในสวนของมหาวิทยาลัยเมืองนั้น ปูด้วยกรวดก้อนกลมเกลี้ยงๆ. ใช้กรวดสีขาวและสีดำสลับกัน เรียงกันเป็นลวดลาย. เห็นภาพลักษณ์ของทับทิมอยู่ตรงกลาง สวยงามเด่นชัด. ทับทิมเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนั้น หรือจะพูดว่าคำ granada ในภาษาสเปนแปลว่าผลทับทิม ที่ใช้เป็นชื่อเมือง.
เส้นทางเดินเล็กๆ สองข้างต้นไม้ใหญ่ที่ปราสาท Blair Castle,
Scotland.
Allotment พื้นที่ผืนเล็กๆของเทศบาลที่ให้คนเช่าสำหรับทำสวนครัวหรือสวนดอกไม้. ไม่มีสิ่งก่อสร้างนอกจากกระท่อมเล็กๆชั้นเดียวหรือเพิงสำหรับเก็บอุปกรณ์เครื่องมือทำสวน รวมทั้งเก้าอี้พับสองสามตัว โต๊ะพับหนึ่งตัวเป็นต้น. ปกติเป็นพื้นที่สองข้างทางรถไฟนอกตัวเมือง นอกเขตคนอยู่อาศัย. เทศบาลให้คนเช่าในราคาถูก เป็นการส่งเสริมให้ชาวเมืองผู้ไม่มีบ้านส่วนตัวเพราะอาศัยในตึก ห้องชุด หรืออาคารใหญ่ๆ ให้มีโอกาสออกไปทำสวนปลูกผักหรือดอกไม้ในวันหยุดเป็นต้น. อีกประการหนึ่ง สองข้างทางรถไฟนั้น ย่อมมีเสียงรถไฟผ่านไปผ่านมาทั้งวันทั้งคืน จึงไม่เหมาะเป็นพื้นที่อาศัยถาวรของชาวบ้านชาวเมือง. ปัจจุบัน การพัฒนาพื้นที่ผืนเล็กๆติดผืนป่าทึบ หรือติดอาคารที่อาศัยขนาดใหญ่ ก็ทำเป็นสวมหย่อม allotment ไปด้วยก็มี.
รูปแบบของสวน allotment ในตะวันออกของเยอรมนี.
ภาพจาก The GDR Objectified-WordPress.com
สวน allotment อีกแบบหนึ่งติดอาคารที่พักอาศัยของชุมชนใน Les Mureaux, Ile de France. (Image ID : 41908052.
From 123RF Stock Photos. Copyright :
Philippe Halle)
------------------------------------------
ต่อ A-2 Alpine garden, American garden, Amphitheatre.
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/01/a2-alpine-garden.html
อ่านบทนำและสารบัญได้ที่นี่ >>
ต่อ A-2 Alpine garden, American garden, Amphitheatre.
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/01/a2-alpine-garden.html
อ่านบทนำและสารบัญได้ที่นี่ >>
Comments
Post a Comment