Valley garden
สวนในหุบเขา.
การจัดดอกไม้ในปัจจุบันก็ได้หันมาใช้ผักผลไม้แทรกกับดอกไม้ ให้รูปลักษณ์ที่แปลกใหม่. งานมหกรรมดอกไม้ในยุคนี้ มีแผนกสวนครัว เสนอแนวการออกแบบตกแต่งภายในอาคารด้วยผักผลไม้และดอกไม้.
ภาพมุมสูงมองดูพระราชวังซ็องซูซี เห็นชั้นเทอเรสที่ใช้ปลูกองุ่นหกระดับ เป็นพื้นที่รับแสงแดดเต็มที่ ต้นองุ่นและไม้ผลอื่นๆที่ปลูกตรงนั้นจึงสู้อากาศหนาวได้. ดังภาพข้างบน เขาได้บรรจงสร้างประตูกระจกที่ให้ไออุ่นของแดดผ่านตลอดและช่วยกันลมหนาวให้อีก. ภาพนี้จากเว็ปเพจของ www.berlin.de
ไร่องุ่นที่ Thomas
Jefferson Estate ที่ Monticello
(Charlottesville, Virginia, USA). โทมัส เจฟเฟอสัน
ออกแบบบ้านและสวนของเขา ประดิษฐ์และออกแบบเครื่องเรือน(หลายอย่าง)เอง ต่อเติมบูรณะและพัฒนาพื้นที่ทั้งหมดเรื่อยมาตั้งแต่อายุ
26 เมื่อได้ที่ดินผืนนั้นเป็นมรดกจากบิดา. ผู้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับชีวิตของเขาต่างยืนยันว่า ทั้งบ้านและสวนที่นั่นสะท้อนจิตสำนึกที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนไม่สิ้นสุด
เป็นพยานของความชำนาญทั้งในฐานะของสถาปนิกและคนสวน.
ข้าพเจ้าเคยอ่านคำพูดของเขาที่บันทึกไว้ในทำนองว่า
เขาไม่เคยภูมิใจในเกียรติใดมากเท่ากับการเป็นคนสวนที่ดี. อ่านแล้วต้องตามไปดูบ้านและสวนที่นั่นและก็ประทับใจมาก นอกจากชมบ้าน
สวน นาและไร่ ไปถึงสุสานของตระกูล ยังไปเดินดูที่อยู่ที่กินของคนผิวสี(ที่ยุคนั้นยังมีฐานะเป็นทาส)ที่ทำงานให้เขาที่นั่น. ได้รับรู้ความใจกว้างของเขาต่อคนที่ทำงานให้เขา. ศูนย์ประวัติและข้อมูลเกี่ยวกับ Thomas Jefferson ที่นั่น (Jefferson Library) เป็นศูนย์ข้อมูลแบบปฐมภูมิสำหรับผู้ศึกษาชีวิตและผลงานของประธานาธิบดีคนที่สามคนนี้
ที่ส่งผลต่อประวัติศาสตร์และการวางพื้นฐานของประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกา. ได้เห็นบันทึกเขียนด้วยรายมือเขาเองจำนวนมากเกี่ยวกับทุกเรื่อง
เรื่องต้นไม้พืชพรรณ ก็วาดภาพประกอบด้วย. ต้องสรุปว่า โชคดีของคนอเมริกันที่มี Thomas Jefferson ผู้เป็นผู้นำ ผู้ชาญฉลาด ขยันขันแข็งและมีวุฒธิภาวะสูงมาก.
Variety ใช้หมายถึงพืชที่มีลักษณะแตกต่างผิดไปจากพืชอื่นๆในพันธุ์เดียวกันหรือในพันธุ์ย่อยด้วยกัน.
Vase แจกัน. แจกันเป็นสิ่งประดับสวนที่นิยมกันมากในหมู่ชาวยุโรป. แจกันสวนขนาดใหญ่เป็นประติมากรรมชิ้นหนึ่งในตัวเอง. แจกันหินอ่อน ที่ลึกมากกว่ากว้าง มีลวดลายแกะสลักเสลาอย่างสวยงามไปรอบๆ
บ้างเล่าเนื้อหาจากเทพตำนานโบราณต่อเนื่องไปเป็นวงรอบตัวแจกัน. บ้างจำหลักเป็นลายดอกไม้หรือเด็กๆตัวกลมๆป้อมๆ (putti-ปู๊ดติ) เล่นกันหรือทำสวนกันเป็นต้น. แจกันประดับสวนมีฝาปิดหรือไม่ก็ได้. หากไม่มีส่วนที่ครอบตอนบน
เจ้าหน้าที่สวนสมัยนี้มักทำแผ่นปิดมิให้น้ำหรือสิ่งสกปรกลงไปขังในนั้น. แต่เดิมตอนบนของแจกันหลายแบบก็คงไม่ปิด
เพราะหวังใช้เป็นที่ปลูกหรือประดับไม้ดอกด้วย แต่การทำเช่นนั้นสิ้นเปลืองและต้องมีกำลังคน
ยิ่งเป็นสวนขนาดใหญ่มีแจกันประดับจำนวนมากเช่นที่พระราชอุทยานแวร์ซายส์
ยิ่งมีข้อจำกัดมาก. ในที่สุด แจกันประดับสวน คือประติมากรรมชิ้นหนึ่ง สวยและมีค่าเพียงพอในตัวเอง.
ชาวยุโรปเริ่มสนใจแจกันมากขึ้นๆ
เมื่อมีการติดต่อแลกเปลี่ยนการค้ากับจีน ยิ่งได้เห็นแจกัน ถ้วยโถโอชาม
เครื่องลายครามหรือเครื่องปั้นดินเผาจากจีน ก็ยิ่งหลงใหลกันมาก
และพยายามศึกษาพัฒนาเทคนิคและสูตรเนื้อดินเหนียวสำหรับมาใช้ทำแจกันและเครื่องปั้นดินเผาหรือกระเบื้องเคลือบแบบต่างๆ
ให้ประณีตบางเบามากขึ้นๆ.
จิตรกรรมภาพนี้ เห็นที่พิพิธภัณฑ์ Victoria & Albert Museum กรุงลอนดอน. ชัดเจนว่าชาวยุโรปไปขนสรรพวัตถุ ของสวยของงามจากเมืองจีนมากเพียงใด. ต่างแข่งกันสะสม แย่งกันซื้อ เป็นยุคของการเห่อจีน ที่ตามด้วยการสร้างสรรค์เลียนแบบจีนในยุโรป (chinoiserie) และมีส่วนทำให้ชาวตะวันตกฮึกเหิม ทะยานอยาก จนเข้าไปยึดครองดินแดน กวาดหาผลประโยชน์… ในอีกด้านหนึ่งก็เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆแก่นักศึกษา นักวิจัยและนักมานุษยวิทยาฯลฯ.
จิตรกรรมภาพนี้ เห็นที่พิพิธภัณฑ์ Victoria & Albert Museum กรุงลอนดอน. ชัดเจนว่าชาวยุโรปไปขนสรรพวัตถุ ของสวยของงามจากเมืองจีนมากเพียงใด. ต่างแข่งกันสะสม แย่งกันซื้อ เป็นยุคของการเห่อจีน ที่ตามด้วยการสร้างสรรค์เลียนแบบจีนในยุโรป (chinoiserie) และมีส่วนทำให้ชาวตะวันตกฮึกเหิม ทะยานอยาก จนเข้าไปยึดครองดินแดน กวาดหาผลประโยชน์… ในอีกด้านหนึ่งก็เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆแก่นักศึกษา นักวิจัยและนักมานุษยวิทยาฯลฯ.
เป็นที่รู้กันว่า
แจกันจีนมีบทบาทและที่ตั้งของมันบนโต๊ะบูชาหรือในบ้าน. แจกันดอกไม้เป็นสิ่งขาดเสียมิได้ในบ้าน. เมื่อโยงเสียงของคำแจกันในภาษาจีน 瓶[ผิง] เสียงพ้องกับคำ 平, 平安 [ผิง ผิงอัน] ที่แปลว่า ความสงบสันติ สันติสุข. สบายใจหากบ้านใดครอบครัวใดอยู่กันอย่างสุขสงบ. ดอกไม้ในแจกันไม่ใช่เพื่อความงามเท่านั้น ยังสื่อไปถึงธรรมชาติ
ความเป็นสตรีและในที่สุดคือความอุดมสมบูรณ์.
ในวิสัยทัศน์ของชนทุกชาติรวมถึงตะวันตก
แจกันทุกรูปแบบเป็นภาพสะท้อนของครรภ์ของอวัยวะสืบพันธุ์ คือการสืบเชื้อสาย
การธำรงเผ่าพันธุ์. ในศิลปะเราเห็นบ่อยๆว่าเทพหรือนางฟ้าถือแจกันในท่าเทน้ำลง ซึ่งก็คือภาพสะท้อนของการเกิด ตั้งแต่การปฏิสนธิของชีวิตในครรภ์มารดา
ในแวดล้อมของน้ำภายในท้อง จนเมื่อหัวลื่นไหลทะลักออกสู่โลกภายนอก. แจกันจึงสะท้อนภาพของครรภ์. แจกันที่ตั้งสูงไม่เทลง
ก็มิได้มีความหมายลดน้อยลงไป ยังคงเป็นภาพลักษณ์ของแหล่งรวม(สิ่งดีๆ) บ่อแห่งชีวิตและที่รวมจิตวิญญาณ ในที่สุดรวมนัยของความเป็นนิรันดรด้วย. แจกันประดับสวนจึงสอดคล้องกับวงจรธรรมชาติของพืชพรรณที่ไม่มีที่สิ้นสุด. ชมตัวอย่างแจกันขนาดใหญ่ๆที่ประดับสวนหลวงและอุทยานต่างๆ ข้างล่างนี้
แจกันหินอ่อนที่พระราชอุทยาน
Hampton
Court (London, UK)
สองแจกันจากพระราชอุทยาน La Granja (San Ildefonso, Spain)
จำหลักเนื้อหาเกี่ยวกับการส่าสัตว์
หรือลวดลายประดับตราสัญญลักษณ์พิเศษอย่างหนึ่ง.
นางฟ้าสองข้าง
เทน้ำจากแจกัน/คนโททรงสูง
ลงในสระ แทนสายน้ำสองสาย มีแจกันใหญ่บนแนวระเบียงประดับสองข้าง. จากสวน Italian Garden มุมหนึ่งในอุทยาน
Kensington
Gardens ลอนดอน.
ที่พระราชอุทยานแวร์ซายส์ มีสระน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ขอบสระประดับด้วยรูปปั้นเทพผู้ปกปักษ์สายน้ำกับเหล่านางไม้ทั้งหลาย. เทพประจำลุ่มน้ำนั้น เป็นเทพหรือเทวีก็ได้ เป็นขนบการนำเสนอภาพชองแม่น้ำด้วยเทพหรือเทวี เทน้ำในคนโทลงสู่แผ่นดิน ดังตัวอย่างข้างล่างนี้
ที่พระราชอุทยานแวร์ซายส์ มีสระน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ขอบสระประดับด้วยรูปปั้นเทพผู้ปกปักษ์สายน้ำกับเหล่านางไม้ทั้งหลาย. เทพประจำลุ่มน้ำนั้น เป็นเทพหรือเทวีก็ได้ เป็นขนบการนำเสนอภาพชองแม่น้ำด้วยเทพหรือเทวี เทน้ำในคนโทลงสู่แผ่นดิน ดังตัวอย่างข้างล่างนี้
รูปปั้นเท้าแขนบนโถใหญ่ที่ขอบสระน้ำใหญ่ที่แวร์ซายส์
เห็นเพียงสายน้ำไหลลง และนี่คือภาพลักษณ์ของแม่น้ำลัวร์
(la Loire)
แม่น้ำสายยาวที่สุดในฝรั่งเศส ไหลผ่านภาคกลางของประเทศ
ส่วนรูปปั้นนี้ แทนแม่น้ำโรน (le Rhône)
ไหลผ่านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส
รูปปั้นแทนแม่น้ำการอน
(la Garonne)
ไหลผ่านตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส
รูปปั้นแทนแม่น้ำโซน (la Saone) ทางตะวันออกของฝรั่งเศส
ไหลลงไปรวมกับแม่น้ำโรนที่เมืองลียง(Lyon)
แจกันขนาดมหึมาในห้องโถงที่
Hampton
Court ลอนดอน
เป็นประติมากรรมชิ้นสำคัญทีเดียว
มุมหนึ่งในสวน Mirabell
เมือง Salzburg
ออสเตรีย มีทั้งแจกันพร้อมฝาปิด และแจกันที่ใช้ปลูกดอกไม้(ด้านขวาในภาพ). เขาใส่กระถางต้นไม้ลงในแจกัน มิได้ปลูกโดยตรงในแจกัน.
แจกันหินประดับราวบันไดและราวระเบียง ในสวน Vrtbovská zahrada เมืองปร้าก สาธารณรัฐเช้ค.
สังเกตปาร์แตร์ตรงลานสวนและม้านั่งติดกำแพง.
แจกันหรือตะกร้าผลไม้
เรียงเป็นแถว ประดับที่สวนวิลลา
Ephrussi de Rothschild (St-Jean-Cap-Ferrat, France)
นอกบริบทสวนเช่นที่พิพิธภัณฑ์ในวาติกัน ก็เป็นคลังสะสมโถ แจกันขนาดใหญ่
ราคาหาที่เปรียบมิได้ ดังตัวอย่างสองภาพนี้
Vegetable garden สวนผัก. แต่โบราณมา แทบทุกครัวเรือนพยายามปลูกผักไว้กินภายในครอบครัวตน.
การปลูกผักเพื่อบริโภคนั้น มิได้ให้ความสำคัญแก่ความงามตาแต่อย่างไร
จึงไม่ถือว่านั่นเป็นแบบสวนที่เป็นศิลป์แบบหนึ่ง. ต่อมาระหว่างศตวรรษที่ 17-18 ในอังกฤษ
มีนักเขียนชาวสวนได้แต่งตำราเกี่ยวกับการปลูกสวนผัก ว่าควรจะวางแปลงวางร่องผักอย่างไร
เลือกปลูกผักชนิดใดประเภทไหนไว้ด้วยกัน เพื่อให้เกิดความงดงามดึงดูดสายตา
ให้สวนครัวกลายเป็นสวนแบบหนึ่งที่เชิญชวนให้เดินชม. ท่าทีต่อการทำสวนผักสวนสมุนไพรจึงเปลี่ยนไป. นอกบริบทสวนเช่นที่พิพิธภัณฑ์ในวาติกัน ก็เป็นคลังสะสมโถ แจกันขนาดใหญ่
ราคาหาที่เปรียบมิได้ ดังตัวอย่างสองภาพนี้
สวนผักที่น่าจะโดดเด่นที่สุด คือสวนที่ปราสาท
Villandry [วิลล็องดฺรี] ในประเทศฝรั่งเศส. ผักที่ปลูกใช้บริโภค ในขณะเดียวกันก็เสริมหน้าตาเสริมความงามของสวนทั้งสวน. ชมภาพสวนผักที่นั่นได้ที่คำ Ferme ornée และที่คำ Kitchen garden.
พื้นที่ปลูกผักที่ Thomas Jefferson Estate ที่ Monticello
ของอดีตประธานาธิบดี
Thomas
Jefferson (Virginia, USA). Jefferson เป็นผู้ออกแบบทั้งบ้านและสวนทั้งหมด. จากระดับสวนที่เห็นนี้ บนไหล่เขาที่ลาดลง เป็นที่ปลูกไม้ผล
รวมทั้งมีไร่องุ่นด้วย.
แปลงผักปลูกติดกำแพงภายในพื้นที่ปิดล้อม (walled garden)
ที่สวน Blair Castle (Perthshire, Scotland)
การจัดดอกไม้ในปัจจุบันก็ได้หันมาใช้ผักผลไม้แทรกกับดอกไม้ ให้รูปลักษณ์ที่แปลกใหม่. งานมหกรรมดอกไม้ในยุคนี้ มีแผนกสวนครัว เสนอแนวการออกแบบตกแต่งภายในอาคารด้วยผักผลไม้และดอกไม้.
สี่ภาพนี้
ถ่ายมาจาก Chelsea
Flower Show ปี 2009.
อาจให้ความคิดนำไปตกแต่งสถานที่ในงานมงคลสมรสเป็นต้น
Vermiculation มาจากคำละตินว่า vermiculus หรือที่ใช้คำย่อว่า vermis
แปลว่าที่มีรูปลักษณ์แบบหนอน (และมาเป็นคำ worm ในภาษาอังกฤษ) หมายถึงการจำหลักหินให้เป็นลายขยุกขยิกเหมือนตัวหนอน
หรือเหมือนรอยชอนไชที่หนอนทิ้งให้เห็นบนดิน.
Vernacular materials วัสดุพื้นบ้าน วัสดุที่หาได้จากท้องถิ่น.
Versailles case เป็นลังสีเขียว
ใช้ใส่ต้นไม้หรือปลูกต้นไม้. เป็นลังสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างประมาณหนึ่งเมตร ด้านบนเปิด
ด้านฐานมีรูให้น้ำไหลออก ตรงสี่มุมตอนบนประดับด้วยลูกบอลลูกเล็ก หรือผลไม้รูปไข่เช่นผลโอ๊ค (acorn). ลังแบบนี้ใช้ปลูกต้นไม้หรือไม้พุ่ม. ใช้เหมือนกระถางต้นไม้ ใส่ดินแล้วปลูกลงไปในลังเลย. สมัยใหม่
มีล็อคสี่ด้านของลัง เปิดล็อค เปิดทุกด้านของลังได้ สะดวกในการเปลี่ยนดิน
ทำความสะอาดราก หรือตัดรากให้สั้นลงเป็นต้น. บางทีก็ปลูกใส่กระถาง(ที่สวยน้อยกว่าหรือถูกกว่า)แล้วใส่ลงในลัง.
อาจติดล้อตรงฐานสี่มุม สะดวกแก่การเคลื่อนย้ายเข้าออกจากอาคาร.
โดยเฉพาะหากปลูกต้นไม้ที่ทนต่ออากาศหนาวไม่ได้เช่นต้นมะนาวหรือส้ม
ก็เคลื่อนเข้าไปพักในเรือนกระจกปรับอุณหภูมิในระหว่างฤดูหนาว. พอเข้าสู่ฤดูร้อนจึงนำออกมาเรียงวางตามตำแหน่งต่างๆในสวน.
ที่เรียกลังแบบนี้ว่า ลังแวร์ซายส์ หนังสือสวนในอังกฤษมิได้ให้คำอธิบายไว้
แต่เพราะเป็นแบบที่ประดิษฐ์ขึ้นใช้ในพระราชอุทยานแวร์ซายส์เพื่อปลูกต้นส้มต้นมะนาว
ก่อนที่อื่นใดในยุโรป จึงแพร่หลายไปในประเทศต่างๆ.
สวนบริเวณที่ตั้งของ
Orangerie
ที่พระราชอุทยานแวร์ซายส์
เห็นต้นส้ม(มะนาวก็มี) ในลังสีเขียว
เรียงรายอย่างสวยงามไปทั้งบริเวณพื้นที่กว้างใหญ่ที่สงวนเพื่อการเพาะปลูกต้นไม้พืชพรรณโดยเฉพาะ. ผืนน้ำสี่เหลี่ยมผืนใหญ่ไกลออกไป
สองมุมปลายบนมนๆและมีส่วนหยักขึ้นเล็กน้อย เป็นกระจกสไตล์หลุยส์สิบสี่
ผืนน้ำในสวนนั้นไว้ส่องสวรรค์. อุทยานอื่นๆในยุโรป
สร้างผืนน้ำรูปลักษณ์สี่เหลี่ยมสไตล์นี้ตามๆกัน.
ลังต้นไม้ที่พระราชอุทยาน
Hampton
Court ใช้สีขาวแทน
(แน่นอนที่นั่นย่อมไม่เรียกว่าลังแวร์ซายส์)
Vertugadin
อังกฤษรับคำนี้มาใช้จากภาษาฝรั่งเศส ที่รับมาจากคำสเปนอีกต่อหนึ่ง. รากคำสเปนคือ verde ที่แปลว่า เขียว
ต่อมาเพิ่มคำ verdugo แล้วมาเป็น verdugado (อ่านความหมายละเอียดของคำนี้ได้จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานของประเทศสเปน)
หมายถึงสันดินที่มีหญ้าปกคลุมและที่ยื่นออกไปข้างหน้า
และขยายกว้างออกเป็นครึ่งวงกลมในลักษณะของ amphitheatre
แต่มีสองปลายแคบและเล็กลงๆ เหมือนพระจันทร์เสี้ยว. เป็นวิธีการจัดแปลนที่ดินแบบหนึ่งในศิลปะการทำสวนแบบฝรั่งเศส. (ยังไม่เคยเห็น)
Vesta เวซต้า แปลว่า ไฟ หมายถึงเตาไฟในบ้าน โยงไปถึงเทพธิดาโรมัน Vesta ผู้ปกป้องเตาไฟในเรือน(ในวิหาร). อารยธรรมต่างๆบนโลกวิวัฒน์พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
เมื่อมนุษย์ค้นพบ“ไฟ” รู้จักใช้ไฟและรู้จักควบคุมการใช้ไฟ. ชัดเจนยิ่งในสมัยปัจจุบัน ผู้ที่รู้วิธีผลิต“ไฟ”(ในทุกสถานะ)
และเป็นเจ้าพลังงาน(ไฟฟ้าหรือปรมาณู) ผู้นั้นมีอำนาจเหนือคนอื่นๆ.
ในสมัยก่อน เตาไฟหรือเตาปูนที่ก่อไฟ
เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในแต่ละครัวเรือน.
เตาไฟหนึ่งเตาหมายถึงหนึ่งครัวเรือน. สมัยก่อนเขานับจำนวนประชากร
ด้วยการนับจำนวนเตาในชุมชน. ชีวิตเกิดขึ้นและวิวัฒน์ไปโดยรอบเตาไฟของบ้าน.
ที่เมือง Tivoli (Italy) มีวิหารที่สร้างอุทิศให้เทพธิดา
Vesta แต่นักโบราณคดีตกลงกันไม่ได้ว่า
วิหารที่ชื่อว่า Temple
of Vesta นั้น สร้างอุทิศให้เธอจริงๆหรือให้เทพอื่นใด.
วิหารเวสต้า บนยอดเนินเขาที่ Tivoli เหนือน้ำตก Aniene (นอกกรุง Rome, Italy) จิตรกรรมผลงานของ Christian Wilhelm Ernst Dietrich, c. 1745-50. เป็นทัศนียภาพที่สร้างให้ดูโรแมนติก
ไม่เหมือนจริง. ภาพกำกับว่าเป็น
Public domain, via Wikimedia Commons.
จิตรกรรมแสดงพื้นที่เดียวกัน
วิหารเดียวกัน
ผลงานของ Claude-Joseph Vernet จากเว็ป
1st
Art Gallery.
วิหารเวสต้าในปัจจุบันตามความเป็นจริง
เจ้าของภาพกำกับว่า CC BY-SA 4.0, from Wikimedia Commons.
Victorian
เป็นคำอธิบายเหตุการณ์หรือค่านิยม,แนวโน้มใดที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระนางเจ้าวิคตอเรีย
คือระหว่างปี 1837-1901
เช่น Victorian manners
กิริยามารยาทความประพฤติในสังคมยุควิคตอเรีย. Victorian dress
แบบเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่นิยมกันในยุควิคตอเรียเป็นต้น.
ในตัวอย่างทั้งสองสำนวนนี้ มีนัยของความหรูหรา ความสง่าภาคภูมิ และชี้บอกความอุดมสมบูรณ์ในทุกมิติ
รวมนัยของอำนาจด้วย.
View house
เป็นอาคารชั้นเดียว ตั้งบนเนินสูงและเป็นจุดชมทิวทัศน์.
Vine ไม้เลื้อย (พันธุ์ไม้เลื้อยคล้ายต้นองุ่น แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นต้นองุ่นเสมอไป). กรณีพิเศษสุด คือ The
Great Vine ในเรือนปลูกองุ่นที่อุทยาน Hampton Court จารึกลงหนังสือ Guinness World Records ว่า เป็นต้นองุ่นที่แผ่กิ่งก้านออกไปเป็นเส้นรอบวงยาว 3.8 เมตร
แต่ละแขนงที่แตกออกไปยาวเฉลี่ย
33 เมตรและแขนงที่ยาวที่สุดคือ
75 เมตรเมื่อวัดในเดือนมกราคม
2005. องุ่นต้นนี้มองดูเหมือนปลาหมึกยักษ์
หนวดยาวเฟื้อยในนวนิยายใต้ทะเลสองหมื่นโยชน์ของ Jules Vernes.
นี่คือต้นองุ่นต้นเดียวที่ปลูกในเรือนองุ่นนี้
Lancelot
‘Capability’ Brown หัวหน้าคนสวนประจำ Hampton Court เป็นผู้ปลูกในปี 1768
ถวายพระเจ้าจอร์จที่สาม(ครองราชย์ระหว่างปี 1760-1820). ในบริเวณนี้ไม่มีต้นไม้อื่นใด. รากของมันแผ่ออกไปไกลใต้พื้นดินทั้งบริเวณ. ไม่มีปัญหาต้องแย่งน้ำแย่งอาหารจากดินกับต้นไม้อื่นใด. ทุกปีเดือนมกราคม
ผู้ดูแลองุ่นต้นนี้จะให้ปุ๋ยคอกจากมูลม้าที่หมักยุ่ยจนถึงที่สุดแล้ว
เป็นอาหารแก่รากต้นนี้. ต้นองุ่นที่มีรากแข็งแรงย่อมให้ผลมาก
ต้นนี้โดยเฉลี่ยผลิตผลองุ่นประมาณ 270 กิโลกรัมต่อปี
เท่ากับน้ำหนักของคนสวนสามคนพร้อมเครื่องมือทำสวน. องุ่นต้นนี้ให้ผลองุ่นสีดำรสหวาน
เป็นพันธุ์องุ่นที่ปลูกไว้กินผลและไม่ใช่เพื่อทำไวน์. พันธุ์นี้ชื่อ Black Hamburg Grape Vine. ผลองุ่นจากต้นนี้สำหรับโต๊ะเสวยเท่านั้นจนถึงปี
1920. คนสวนดูแลอย่างใกล้ชิด ติดหมายเลของุ่นทุกช่อ. เดี๋ยวนี้ทุกคนมีโอกาสลิ้มรสองุ่นวิเศษต้นนี้ทุกปีในเดือนกันยายน
คนสวนและทีมอาสาสมัคร เริ่มต้นตัดช่อองุ่นตั้งแต่ 7:45 AM ชั่งน้ำหนักและห่อไว้
ให้พร้อมขายได้ตอนเที่ยงทุกวัน.
ตั้งแต่ศตวรรษที่19 ผู้คนจากที่ต่างๆมาเข้าคิวเพื่อดูต้นองุ่นมหัศจรรย์ต้นนี้
ทำให้ต้องสร้างเรือนกระจกกั้นให้เป็นที่เดินและหยุดชมผ่านหน้าต่างกระจก(สร้างระหว่างปี1904-1906). เรือนองุ่นที่เห็นทุกวันนี้คือหลังที่ปรับปรุงล่าสุดในปี
1964.
ดูการเก็บองุ่นสีดำเข้มจากต้น
ในปี 1960.
Vinery
เป็นเรือนหลังหนึ่งภายในสวน ที่จัดสำหรับการปลูกองุ่นโดยเฉพาะ บางทีอาจมีต้นไม้ผลอื่นๆปลูกด้วย.
ภูมิอากาศของอังกฤษไม่เอื้ออำนวยให้ปลูกองุ่นมากนัก
จึงจำต้องทำเรือนปลูกองุ่นโดยเฉพาะ เหมือนต้องสร้างเรือนกล้วยไม้เป็นต้น. ตัวอย่างอาคารเรือนองุ่นในอุทยาน Hampton Court ถือเป็นอาคารประดับสวนแบบหนึ่ง. บางโอกาสในฤดูร้อน
เรือนองุ่นนี้เคยใช้เป็นที่จัดงานเลี้ยงยามค่ำ.
อาคารกระจกสีขาวและโครงสร้างที่เห็นเหมือนสามเหลี่ยมนั้น
คือบริเวณที่อยู่ขององุ่นต้นมหัจรรย์ต้นเดียว.
ใบไม้เขียวๆเต็มเหนือประตูโค้งสองประตูและประตูที่ปิดอยู่อีกหนึ่งประตู
คือต้นวิสทีเรีย(wisteria) ที่ปลูกในต้นศตวรรษที่19 และยังคงออกดอกสีม่วงๆ
โชยกลิ่นหอมหวานตลอดสองสัปดาห์ในเดือนพฤษภาคมทุกปี. เรียกว่าอยู่เป็นพี่เป็นน้องและเกลอเฒ่ากับต้นองุ่นมหัศจรรย์
แม้อายุจะต่างกันราวร้อยห้าสิบปีก็ตาม.
ต้นนี้ปลูกบนพื้นดินด้านหน้าตึกสีแดงๆแบบสถาปัตยกรรมศตวรรษที่18 และต้นวิสทีเรียก็ขยายกิ่งก้านออกไปๆและขึ้นไปๆ
จนปิดด้านหน้าของตึกสีแดงไว้เกือบหมด.
Vineyard ไร่องุ่น
บริเวณที่ใช้ปลูกองุ่น ยิ่งถ้าเป็นเนิน ที่ลาดเอียงก็ยิ่งดี เพิ่มความงามแก่ภูมิทัศน์ยิ่งขึ้น. ในบริบทสวน
ไร่องุ่นเป็นสิ่งประดับสวนอย่างหนึ่ง.
ภาพจาก Stein-am-Rhein เยอรมนี มองจากสวมมุมนี้ เห็นไร่องุ่นบนไหล่เขาไกลออกไป. ไร่องุ่นกลายเป็นทิวทัศน์ที่“ยืม”เข้ามาประดับสวน.
อุทยานที่ปลูกองุ่นอย่างเป็นหน้าเป็นตา คงไม่มีที่ใดเสมอเหมือนพระราชวัง Sans Souci [ซ็องซูซี] (Potsdam, Germany). บนเนินที่ลาดลงจากตำหนักชั้นเดียว จัดพื้นที่ชั้นๆแต่ละชั้นปลูกต้นองุ่นออกไปตามแนวกว้างของเนิน (terrace vineyard). นอกจากต้นองุ่น ยังมีต้นมะเดื่อและไม้ผลอื่นด้วย. ดั้งเดิมสร้างสำหรับปลูกองุ่นเป็นสำคัญ ตามพระราชประสงค์ของพระเจ้า Frederick มหาราช (1712-1786). พระองค์เรียกตำหนักตรงนั้นว่า "mein Weinberghäuschen" (หรือ my little vineyard house). ช่วงฤดูร้อน เขาเปิดประตูกระจกสีเขียวๆนั้น ให้ต้นไม้รับสายลมแสงแดดธรรมชาติ. สถาปนิกผู้ออกแบบคงได้เลือกทิศทางแสงแดดให้เหมาะสมกับการปลูกต้นองุ่นและไม้ผลที่นำเข้าไปปลูก. ไปดูใกล้ๆ เห็นผลต้นมะเดื่อขึ้นดกงามทีเดียว. อุทยานซ็องซูซีจึงไม่เหมือนที่ใดในโลก.
สวนองุ่นส่วนตัว ในหมู่บ้านริมฝั่งทะเลสาบ Bodensee
ที่เมือง Romanshorn ในสวิสเซอแลนด์.
อุทยานที่ปลูกองุ่นอย่างเป็นหน้าเป็นตา คงไม่มีที่ใดเสมอเหมือนพระราชวัง Sans Souci [ซ็องซูซี] (Potsdam, Germany). บนเนินที่ลาดลงจากตำหนักชั้นเดียว จัดพื้นที่ชั้นๆแต่ละชั้นปลูกต้นองุ่นออกไปตามแนวกว้างของเนิน (terrace vineyard). นอกจากต้นองุ่น ยังมีต้นมะเดื่อและไม้ผลอื่นด้วย. ดั้งเดิมสร้างสำหรับปลูกองุ่นเป็นสำคัญ ตามพระราชประสงค์ของพระเจ้า Frederick มหาราช (1712-1786). พระองค์เรียกตำหนักตรงนั้นว่า "mein Weinberghäuschen" (หรือ my little vineyard house). ช่วงฤดูร้อน เขาเปิดประตูกระจกสีเขียวๆนั้น ให้ต้นไม้รับสายลมแสงแดดธรรมชาติ. สถาปนิกผู้ออกแบบคงได้เลือกทิศทางแสงแดดให้เหมาะสมกับการปลูกต้นองุ่นและไม้ผลที่นำเข้าไปปลูก. ไปดูใกล้ๆ เห็นผลต้นมะเดื่อขึ้นดกงามทีเดียว. อุทยานซ็องซูซีจึงไม่เหมือนที่ใดในโลก.
ภาพมุมสูงมองดูพระราชวังซ็องซูซี เห็นชั้นเทอเรสที่ใช้ปลูกองุ่นหกระดับ เป็นพื้นที่รับแสงแดดเต็มที่ ต้นองุ่นและไม้ผลอื่นๆที่ปลูกตรงนั้นจึงสู้อากาศหนาวได้. ดังภาพข้างบน เขาได้บรรจงสร้างประตูกระจกที่ให้ไออุ่นของแดดผ่านตลอดและช่วยกันลมหนาวให้อีก. ภาพนี้จากเว็ปเพจของ www.berlin.de
สามภาพข้างล่างนี้ นำมาให้ชมดินแดนถิ่นไร่องุ่นที่ติดอันดับหนึ่งในสิบแผ่นดินทองของไวน์อยู่เลียบฝั่งทิศใต้ของทะเลสาบเจนีวาระหว่างเมือง Lausanne กับเมือง Montreux เขาเรียกถิ่นไวน์นี้ว่า
Lavaux[ลาโว] รวมพื้นที่ประมาณ 830 เฮกตาร์. ตั้งแต่ราวศต.ที่ 11 เริ่มมีการปลูกองุ่นในหมู่นักบวชจากอารามเบเนดิคตินและอารามซิสแตร์เซียนที่เคยตั้งรกรากที่นั่น. ภาพไร่องุ่นที่นำมาให้ดู ไม่ใช่ไร่องุ่นประดับสวนหรืออุทยาน ดังที่เห็นในพระราชอุทยานซ็องซูซีในเยอรมนี. ความงามของไร่องุ่นบนไหล่เขาที่ทอดลงสู่ทะเลสาบเจนีวา
บวกระเบียบ ความสะอาดเรียบร้อยของแผ่นดินทั้งแถบ ทำให้ไร่องุ่นที่นั่น เป็นเหมือนสวนขนาดใหญ่ที่น่าอภิรมย์ยิ่งนัก. เลือกมาเพียงสามภาพ สามมุมเล็กๆ
เพื่อให้ได้เห็นไร่องุ่นทั้งจากบนเนินและจากบนทะเลสาบ.
สองภาพนี้ ถ่ายจากรถไฟที่แล่นเลียบไปตามไร่องุ่นจากเมืองโลซานไปเมืองมงเทรอ.
ภาพข้างล่างนี้
ถ่ายจากบนเรือที่แล่นเลียบฝั่งทะเลสาบเจนีวาบนเส้นทางเดียวกัน
ภาพข้างบนนี้ถ่ายจากสวนสาธารณะที่เมือง
Orvieto
ประเทศอิตาลี มองลงจากระเบียง เห็นไร่องุ่นแปลงย่อมๆบนที่ราบต่ำลงไป
เป็นทัศนียภาพที่งดงามแห่งหนึ่ง. มีประติมากรรมสมัยใหม่
เห็นส่วนหนึ่งเป็นรูปปากกับจมูก ส่วนหนึ่งเป็นตาข้างเดียว และอีกส่วนทางขวา ก็เป็นริมฝีปาก. ฤาปากที่หุบอยู่ ไม่อยากพูดถึงสิ่งที่ตาเห็น(เหมือนเบิกตาจ้อง)
Virectum เป็นคำภาษาละติน
หมายถึงบริเวณเขียวชะอุ่ม. ในยุคกลาง
อังกฤษรับคำนี้ไปใช้ในความหมายของสนามหญ้าเพื่อการเล่นรื่นเริง.
Virgultum เป็นคำภาษาละติน
หมายถึงบริเวณที่มีพุ่มไม้ หรือที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้กิ่งเล็กกิ่งน้อย.
อังกฤษรับไปใช้ตั้งแต่ยุคกลาง ใช้ในความหมายของบริเวณเพาะเลี้ยงต้นกล้า ต้นอ่อน.
Viridarium เป็นคำภาษาละติน
เรียกบริเวณที่มีต้นไม้ปลูกร่มรื่น เป็นสวนหรือป่าละเมาะ.
อังกฤษรับคำนี้ไปใช้ในยุคกลาง ในความหมายของพื้นที่สีเขียวที่เปิดกว้าง
ปลูกไม้ประดับหรือไม้ผล และใช้เป็นบริเวณพักผ่อนหย่อนใจ.
คำนี้มีความหมายตรงข้ามกับคำ herbarium
ที่เป็นพื้นที่ปิดล้อมขนาดเล็กกว่าและปลูกต้นไม้สำหรับการศึกษาวิเคราะห์วิจัยเป็นสำคัญ.
Viridiarium
เป็นคำภาษาละตินมีความหมายเดียวกับคำ viridarium ข้างบน.
ในวิถีชีวิตของชาวโรมัน คำนี้หมายถึงสวนขนาดเล็กที่อยู่ภายในอาณาบริเวณของวิลลา.
สวนนี้เจาะจงปลูกต้นไม้เพื่อโชว์ความงามของต้นไม้แต่ละต้น.
ในยุคนั้นชาวโรมันยังนิยมตัดต้นไม้ให้เป็นรูปลักษณ์ต่างๆ (ดูที่คำ topiary)
ต้นไม้ในสวนจึงเหมือนเครื่องเรือนหรือองค์ประกอบสถาปัตยกรรมที่มีชีวิต.
Vista [วิซต้า] คำนี้เป็นคำอิตาเลียน
คำสเปนก็ใช้เหมือนกันและกลายเป็นคำสามัญในภาษาตะวันตกอื่นๆ มีรากศัพท์มาจากคำว่า ver แปลว่า มอง. วิซต้า จึงคือ
สิ่งที่มองเห็นภายในรัศมีของสายตา ไปสุูดสายตา.
ในบริบทของสวน
ทิวทัศน์หรือมุมมองเป็นสิ่งที่นักออกแบบสวนเนรมิตขึ้น
หรือควบคุมให้เป็นไปตามต้องการ ในกรอบที่ต้องการ ณจุดที่ต้องการ. ประเด็นสำคัญของการเนรมิต
vista คือระยะห่าง ระหว่างผู้ดูกับสิ่งที่ต้องการดูหรือทิวทัศน์ที่มุ่งจะไปชม. ลวงให้เชื่อว่าสิ่งนั้น
ตรงนั้นอยู่ใกล้หรืออยู่ไกลออกไปจากความเป็นจริง
โดยอาศัยเทคนิคของการสร้างภาพลวงตาเป็นต้น (ดูที่คำ trompe l’oeil). สถาปนิกสร้าง vista ในสวนขนาดใหญ่เช่นที่แวร์ซายส์
หรือในสวนภูมิทัศน์ขนาดเล็ก เมื่อมีสิ่งดึงดูดสายตา (eye-catcher) ปรากฏให้เห็นแล้วเห็นอีกขณะที่เดินไปในสวนนั้น
โดยที่คนเดินไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกเพราะเดินผ่านสิ่งนั้นมาแล้วเป็นต้น
ให้ความรู้สึกว่าเหมือนกำลังเล่นซ่อนหา.
Volary, volery, volière ทั้งสามคำมีความหมายเดียวกับคำ aviary หมายถึงสวนนก สวนที่มีนกสวยงามหลายชนิดเดินเล่นให้ชม
โดยทั่วไปนกทั้งหมดยังอยู่ในบริเวณจำกัดและมีตาข่ายแบบใดแบบหนึ่งคลุมอยู่
กันมิให้นกบินหนีออกไปจากสวนได้.
ในความเป็นจริงคือกรงนกขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนสวนแต่ทำหน้าที่ของกรง
มีนกบางชนิดเช่นนกยูงที่ได้อภิสิทธิ์ให้เดินเล่นได้อย่างอิสระนอกกรงนก
เพราะรู้กันว่านกยูงบินขึ้นไม่ได้สูง (ดูที่คำ aviary ตามลิงค์นี้)
Voûte
[วู้ตฺ] คำฝรั่งเศส คือเพดานภายในอาคารใหญ่ๆเช่นวัด
โบสถ์เป็นต้น เพดานอาจเป็นทรงครึ่งวงกลมในสถาปัตยกรรมโรมันเนสก์
หรือทรงสูงแหลมขึ้นไปในสถาปัตยกรรมกอติค. คริสต์ศิลป์เปรียบเพดานโบสถ์ว่าคือท้องเรือ
แล่นไปในท้องฟ้าที่คือทะเลสู่สวรรค์.
ในวัดหรือวิหาร
เพดานเหนือขึ้นไปบนทางเดินสายกลางจากประตูหน้าของอาคาร ตรงไปถึงแท่นบูชา
เส้นทางนี้เปรียบเหมือนลำตัว. เพดานเหนือเส้นทางนี้จึงสำคัญที่สุด
วัดขนาดใหญ่ มีทางเดินขนาบเส้นทางสายหลักนี้ ข้างละหนึ่งหรือสองเส้นทาง. จำนวนเส้นทางเดินภายในวัดหรือวิหาร
ตรงกับจำนวนประตูทางเข้าด้านหน้า เดินต่อจากประตูเข้าไปภายในอาคารได้เลย. ปัจจุบันประตูต่างๆด้านหน้าของโบสถ์วิหารมักปิดไว้เสมอ
ให้คนเข้าประตูด้านทิศใต้แทนเป็นต้น. voûte คือเพดานที่เป็นส่วนสูงสุดตามแนวเส้นสีแดงที่ขีดไว้
และทอดลงต่ำลงสู่สองข้างเสาของโบสถ์ ที่เรียงเป็นระยะๆตลอดความยาวของลำตัวโบสถ์ เสาทั้งหมดรับน้ำหนักของเพดาน. การก่อสร้างเพดาน
ทำไปทีละช่วง แต่ละช่วงรวมน้ำหนักไว้ตรงเสา สองข้างลำตัว. ปมเพดาน คือจุดรวมของการก่อเพดาน
เรียกว่า clef de voûte สถาปนิกยังอาจตกแต่งประดับปมเพดานให้สวยงาม
ด้วยการแกะสลักรูปลักษณ์ต่างๆสารพัดแบบ ทาสีทองให้สุกปลั่ง ดังที่เห็นในภาพ. ภาพนี้จากโบสถ์เมืองยอร์ค
(The
Minster of York, UK)
ภาพนี้เห็นวิธีการก่ออิฐทีละช่องๆ
ไปรวมกันบนเพดาน ปมเพดานประดับตรงจุดรวมของแนวการก่อสร้าง. นี่คือเพดานอาร์คทรงสูงแหลมตามสถาปัตยกรรมกอติค.
บริเวณหัวโบสถ์
(ด้านในสุดบนเส้นทางหลักที่เป็นลำตัวของโบสถ์)
เป็นเพดานที่รวมแนวการก่อสร้างจากทุกทิศ เป็นโดมสูงขึ้น
ยอดเพดานตรงกับตำแหน่งที่ตั้งของแท่นบูชาและพระรูป(พระคริสต์หรือพระแม่มารี)บนพื้น. ปมใหญ่บนยอดสูงสุดถือว่าเป็นปมเพดานที่สำคัญที่สุด
แกะสลักรูปลักษณ์ที่สื่อพระผู้เป็นเจ้าหรือพระคริสต์เป็นสำคัญ. ปมเพดานบนยอดสูงสุดตรงนี้เป็นรูปลูกแกะ
เท้าข้างหนึ่งเกี่ยวไม้กางเขน มีธงสะบัด เป็นสัญลักษณ์ของพระคริสต์ในความหมายว่า
พระองค์เป็นลูกแกะที่ถูกฆ่าสังเวยในขนบชาวยิวโบราณ ยอมตายเพื่อช่วยมนุษยชาติ
เพื่อพามนุษย์เข้าไปสู่แดนของพระบิดาในสวรรค์.
ในบริบทของสวนหรืออุทยานขนาดใหญ่
นิยมสร้างวัดหลังเล็กๆขนาดย่อส่วนและรวบรัด ให้เป็นอาคารประดับสวน
ภายในไม่มีอะไรมาก ไม่ได้สร้างเพื่อเป็นที่ประกอบพิธีกรรมใด. นักออกแบบสวน
เพียงสนใจสร้างให้อาคารสื่อลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นมากยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ศิลปะของยุโรป. บางทีสร้างเป็นซากกำแพงมีประตูหน้าต่างอาร์คทรงแหลมเท่านั้น
หรือเป็นหอคอยแหลมๆเหมือนธนูที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าตามอุดมการณ์ของศิลปะกอติค
หรือเป็นวิหารทรงกลม โล่งประดับด้วยเสานางเรียงแบบโรมันเนสก์เป็นต้น.
อุทยาน Stowe (Buckinghamshire, UK) สร้างวัดกอติคไว้ในบริเวณด้วย เห็นได้แต่ไกล
เป็นจุดเรียกความสนใจให้คนเดินไปดู. ภายในโล่งๆว่างๆ
มิได้สร้างเพื่อประโยชน์ใช้สอยใด ให้เป็นอาคารประดับสวนเท่านั้น. แบบสถาปัตยกรรมเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งในสวนภูมิทัศน์ขนาดใหญ่
โยงให้คิดถึงประวัติศาสตร์ สังคม อุดมการณ์หรือความเป็นคน. ธรรมชาติไม่ว่าสวยวิเศษเพียงใด
ถ้าไม่มีสายตาคนไปเห็น ไม่มีจิตสำนึกของคนเข้าไปสัมผัส มันตั้งอยู่ของมันไป ไม่โดนใจหรือดลใจ
เหมือนขาดห่วงโซ่ไปหนึ่งเปลาะหรือเปล่านะ?
วิหารวีนัส หลังคาโดม ตามแบบสถาปัตยกรรมกรีกโรมัน
ตั้งประดับที่อุทยาน Dessau-Wörlitz (เยอรมนี)
อาคาร Palace of Fine Arts ที่เมืองซานฟรานซิสโก (แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา)
สร้างตามแบบวิหารกรีก สำหรับเป็นที่จัดนิทรรศการศิลปะในปี 1915
(Panama-Pacific Exposition). หลังงาน
ยังเก็บไว้ ซ่อมแซม สร้างใหม่และอนุรักษ์มาจนทุกวันนี้. สังเกตว่า มีแจกันแบบโถทรงสูงประดับจำนวนมาก. สถาปัตยกรรมโบราณ
ยังคงเป็นแบบฉบับที่สมดุล
สมบูรณ์ มั่นคง ดลใจคนรุ่นหลังๆได้อีกในพัฒนาการของสังคมคน.
สถาปัตยกรรมกรีกโบราณยังคงเป็นแบบฉบับที่สมดุล
สมบูรณ์ มั่นคง ดลใจคนรุ่นหลังๆได้อีกในหลายมิติของสังคมคน.
--------------------------------------
Letter
W >> Walk, Wall, Walled garden, Wardian case, Waterfall, Water garden,
Water Tower, Waterwheel, Waterworks, Well-head, Wilderness, Wild garden, Window
box, Winter garden, Woodland garden, Wrought iron. + Letters X, Y, Z >> Xystus, Yuan, Zigzag, Zoological garden.
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/06/w-x-y-z.html
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/06/w-x-y-z.html
คำปรารภ Epilogue
เมนูหนังสือ
ประมวลความรู้จากศัพท์อุทยานศิลป์
https://chotirosgardenterms.blogspot.com/2018/06/mygardenbook-menu.html
Comments
Post a Comment